(สปอย์) นิยาย debut or die บทที่8

 (การเดินเรื่องของนิยายจะต่างจากมังฮวาเล็กน้อย) *ไม่ใช่การแปล เป็นสรุปเหตุการณ์สำคัญในแต่ล่ะตอน


บทที่ 8

 

พูดตามตรง การเต้นของพัคมุนแดไม่ได้น่าประทับใจขนาดนั้น เขาแค่สามารถเต้นในกลุ่มได้ ไม่ได้โดดเด่นออกมา แต่แค่นั้นก็ทำให้คนที่ดูเขาเพลิดเพลินได้แล้ว

แต่แค่นี้ก็เป็นพัฒนาการที่เหลือเชื่อแล้วไหม เมื่อ2วันก่อนเขายังทำไม่ได้สักนิดเลยเถอะ!

              นักออกแบบท่าเต้นรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่ในไม่ช้าก็สงบลง

              'เขาไม่น่าอยู่ๆก็มีพรสวรรค์ขึ้นมาได้ในวันสองวัน อีกไม่นานเขาจะต้องเสียจังหวะแต่….'

              “….”

              แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น พัคมุนแดเข้าท่อนคอรัสอย่างมั่นคง ไม่สิ ตรงกันข้าม เขาควบคุมจังหวะได้ดีขึ้นไปอีกเมื่อเพลงดำเนินต่อไป เขาไม่เหมือนผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวอย่างอ่อนแอ มันไม่ใช่การเต้นที่ต่อท่าขึ้นมาหยาบๆ แต่เคลื่อนไหวต่อกันไปได้อย่างดี

นอกจากนี้เขายังร้องเพลงทั้งเพลงอย่างแข็งแรง ไม่ข้ามหรือขาดท่อนใดท่อนหนึ่งไป

              แม้ว่าเทคนิคจะขาดหายไป แต่น้ำเสียงก็สะอาดและทรงพลัง และไม่มีโน้ตตัวใดที่แบนราบหรือผิดเพี้ยน

              กรรมการมิวดี้กดปากกาอยู่ด้านข้างนักออกแบบท่าเต้น ดูเหมือนว่าเธอจะทำมันโดยไม่รู้ตัว ซึ้งหมายความว่าเธอชอบการแสดงนี้มาก

              แม้แต่ในหูของเขาที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเสียงร้อง ก็คิดว่าจนถึงตอนนี้พัคมุนแดทำดีที่สุดในหมู่ผู้เข้าร่วม

              'มือสมัครเล่นต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน กับการเต้นขณะที่ร้องเพลงมั่นคงไปด้วยแบบนี้'

ที่นั่งกรรมการเงียบงัน หลังจากจบเพลงได้ไม่นาน ใบหน้าของพัคมุนแดก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เขาหายใจแรงราวกับว่าใช้แรงทั้งหมดไป

เทียบกับการประเมินครั้งแรก ที่เขาเลือกเพลงอย่างกล้าหาญโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า กับครั้งนี้ที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ทำให้ผู้คนคิดว่า'อา... เขาพยายามมากจริงๆ' ความแตกต่างดังกล่าวส่งผลให้ผู้ชมน้ำตาไหลโดยไม่มีเหตุผล 

              โดยเฉพาะมิวดี้ซึ่งนั่งถัดจากนักออกแบบท่าเต้น เธออยากกล่าวคำชมเชยมากมาย นักออกแบบท่าเต้นคิดว่ากรรมการคนอื่นคงทำแบบเดียวกัน แต่ไม่มากเท่าเธอ

              แต่ในตอนนี้ไม่มีใคร จะพูดได้อิมแพ็คมากเท่าเขา เพราะบทที่ถูกวางไว้ก่อนหน้า

              ดังนั้น นักออกแบบท่าเต้นจึงแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น ข้อความของPD ที่พวกเขาบอกให้ ยองรินเป็นคนประเมิน

เขาพูดใส่ไมโครโฟน

 “มุนแด” 

 “ครับ” 

 “ทำได้ดีมาก” 

“…” 

              มันเป็นคำชมที่ชัดเจนเรียบง่าย พัคมุนแดยิ้มเป็นการตอบรับ มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขาดูซุกซน ต่างจากคนเงียบขรึมเมื่อครึ่งเดือนก่อน

 

*****

 

อย่างที่คิด การพลิกล็อคที่ดีคือชัยชนะ นี่คือสูตรสำเร็จของรายการออดิชั่นไอดอล

แม้ว่ามุนแดจะหายใจไม่ออกและรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาจากคอ แต่เขาก็รู้สึกโล่งและสบายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้ตัดสินแสดงปฏิกิริยาที่ดี เขารู้สึกว่าอยู่ห่างจากความตายกะทันหันอีกก้าวหนึ่ง

              'การลงสามแต้มในทักษะเต้นคือคำตอบที่ถูกต้อง'

 ดังนั้นระดับการเต้นปัจจุบันคือ C

              มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก การที่จู่ๆก็สามารถใช้กล้ามเนื้อ ที่ไม่เคยใช้มาก่อนได้ชัดเจนไปทั่วร่างกาย

มันทำให้รู้สึกสนุกมาก 

              แล้วคำถามที่คาดไว้ก็เกิดขึ้น

              ยังไงก็ตาม มุนแด คุณทำได้ยังไงในสองวัน?”

              นั่น—”

 มุนแดหายใจเข้าลึก ๆ มันทำให้เขาอายอยู่หน่อยๆ

 “ผมถามเพื่อนที่เต้นเก่ง”

 "เพื่อน?"

 “ซอนอาฮยอน

              เขาไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองเลเวลอัพด้วยหน้าต่างสถานะ ดังนั้นจึงเดินเกมไปที่มิตรภาพแทน และรูมเมทของเขาคือ ซอนอาฮยอนซึ่งอยู่คลาสเต้นระดับสูง มันเป็นไปได้อยู่แล้วที่เราจะทำได้ดี เมื่อได้รับคำแนะนำจากเพื่อน

              นอกจากนี้ ซอนอาฮยอนก็พยายามสอนเขาอย่างหนัก จนทำให้รู้สึกผิดเชียวล่ะ

              แม้จะเอาซอนอาฮยอนมาบังหน้า แต่อีกฝ่ายเองไม่เสียหาย แถมยังมีภาพลักษณ์ที่ช่วยเพื่อนที่ไม่มีประสบการณ์อีก ก็ไม่เลวนะ

              หรือควรทำให้สถานการณ์ค่อนข้างดราม่ากว่านี้ไหมอย่างเช่นแบบนี้?

 “…อาฮยอนใจดีมาก”

 “เฮ้ จะบอกว่าฉันไม่ใจดีงั้นเหรอ?”

นักออกแบบท่าเต้นแหย่ถาม แต่ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เขาดูเหมือนกำลังเล่นตลกอยู่ มุนแดเองก็รู้สึกว่ามันไปได้สวย มีบรรยากาศที่อบอุ่นในหมู่กรรมการ

คุณจำที่ฉันพูดไปในการประเมินครั้งแรกได้ไหม” ยองรินจาก 'เซนต์ยูถามเบาๆ ดูเหมือนไม่ใช่คำถามจริงจังแต่เป็นประโยคที่เริ่มต้นการสนทนา

              ผมเต้นไม่เป็นเลย ดังนั้นในอนาคตจะยากสำหรับผม”

              ยองรินยิ้มจางๆ ฉันคิดว่าฉันพูดผิด ผู้เข้าร่วมพัคมุนแด ดูเหมือนคุณจะสามารถเอาชนะได้แม้ว่ามันจะยากก็ตาม”

              "ขอบคุณครับ"

              วันนี้ฉันสนุกกับมันมาก ฉันหวังว่าคุณจะเคลื่อนไหวได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้นในครั้งต่อไป”

              ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”

              กรรมการให้คะแนนเขาในเกณฑ์ดี และความคาดหวังของพวกเขาที่มีต่อฉันก็สมเหตุสมผล

 

มุนแดคิดว่าตัวเองน่าจะได้ระดับโกลด์

 

******

 

เช่นเดียวกับรายการออดิชั่นไอดอลอื่นๆ นอกจากจะแบ่งอันดับความนิยมกันแล้ว ยังมีระดับความสามารถด้วย เรียงจากต่ำไปสูง บรอนซ์ ซิลเวอร์ โกลด์และระดับพิเศษ แพลตตินั่ม

แพลตตินั่ม สามารถมองได้เป็นระดับของผู้มีความสามารถในภาพรวม และในความจริงแล้ว ถือว่าเป็นผู้มีโอกาสมากสุดที่จะได้อยู่ในกลุ่มเดบิวต์

 

แต่ผู้เข้าร่วมที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขสำหรับทองแดง—จะถูกไล่ออก!” 

พัคมุนแดรอประกาศอย่างสงบ ขณะผู้เข้าร่วมคนอื่นๆต่างตึงเครียด เขาถึงขนาดคิดเรื่อยเปื่อย ถึงวิธีตั้งชื่อระดับ ถึงแม้มันจะพบเห็นได้ทั่วไปในเกม แต่เมื่อนำมาใช้จริงก็น่าอายคนละแบบ

              ผู้เข้าร่วมทุกคน กรุณาเปิดกล่องระดับ!”

              กลุ่มTop10คงได้แพลตตินั่มอยู่แล้ว ส่วนอันดับ10-20อย่างพวกเขาก็คงเป็นโกลด์  แต่เมื่อเปิดกล่องแข็มกลัดออกก็ต้องตัวแข็งทื่อ

เขาเห็นตราแวววาวที่ทำจากแพลตตินัมในกล่อง

              มันเป็นตราระดับแพลตตินั่ม

“…..”

              ขณะที่เขาตะลึงอยู่ ซอนอาฮยอนซึ่งได้ระดับโกลด์ ที่อยู่ด้านข้างก็เอียงศีรษะมาดู ก่อนร้องอย่างประหลาดใจ

              ว ว ว้าว ว้าว!"

              ท่าทางตื่นเต้นนั้นเรียกอีเซจินBเข้ามาร่วมวง

อะไรกันเหรอ— โอ้โห!! ว้าว สุดยอดเลย!!”

อีเซจินBที่ได้ระดับโกลด์ร้องตะโกนชื่นชม นายได้แพลทินัม!! สุดยอด!!”

              เราสนิทกันตอนไหนเหรอ.. อย่างมากก็แค่ทักทายกันระหว่างทางไปโน่นไปนี่ไม่ใช่รึไง?  

 

เมื่อถูกกระตุ้น มุนแดจึงได้แต่หยิบเข็มกลัดออกมา

'แพลทินัมมันยุ่งยากนะ มันคงกลายเป็นปัญหามากมายทันทีที่เขาทำพลาด'

              หรือเอาแค่ตอนนี้มุนแด ก็นึกถึงคอมเม้นเชิงลบมากมายในเน็ตได้แล้ว หรือแม้แต่ ชเววอนกิลที่กำลังมองมา เขารู้ว่าไม่ชอบกัน แต่เด็กก็คือเด็กจริงๆที่แสดงสีหน้าทุกอย่างออกมาหน้ากล้องแบบนี้

              มุนแดกลับไปสนใจพิธีกรที่เริ่มประกาศถึงการขึ้นเวทีออกอากาศครั้งแรก นั้นก็คือเพลงธีมรายการที่พวกเขาพึงฝึกไป การแสดงพร้อมกันของคนกลุ่มใหญ่

              ประโยชน์ของระดับแพลตตินั่ม  จะแสดงออกมาตอนนี้ล่ะน่ะ

Ad Code

Responsive Advertisement