(การเดินเรื่องของนิยายจะต่างจากมังฮวาเล็กน้อย) *ไม่ใช่การแปล เป็นสรุปเหตุการณ์สำคัญในแต่ล่ะตอน เพื่อกลับไปอ่านฉากที่ชอบใหม่ได้ง่ายๆ
บทที่
7
มิวดี้*(ชื่ออิงจากมังฮวา)
เทรนเนอร์คลาสร้องเพลง
เธอให้คะแนนมุนแดอย่างใจกว้างในการประเมินครั้งแรก
และยังพูดถึงสิ่งดีๆกับผู้เข้าร่วมคนอื่นเสมอ ดังนั้นบรรยากาศในคลาสจึงเป็นไปด้วยดี
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเธอไม่เป็นมืออาชีพหรอกนะ
“ชเววอนกิล ไม่ใช่แบบนั้น…
เฮ้อออ”
“….”
มันคงน่าเหนื่อยหน่าย
กับผู้เข้าร่วมที่ร้องพลาดจังหวะเดิมติดต่อกันห้าวัน ดูเหมือนเขาพยายามซ่อนความโกรธไว้และแสดงออกว่าเสียใจ
แต่นั้นเป็นการแสดงออกที่พลาดแล้วล่ะ
ทำให้คนที่ใจดีอารมณ์เสียได้
“มุนแด คุณอยากร้องท่อนนี้ไหม”
“ครับ"
เมื่อเธอชี้ให้ดูโน๊ต
เขาก็ก้าวไปข้างหน้า เริ่มร้องไปพร้อมกับดนตรี โค้ชพยักหน้ารับเสียงที่ชัดเจนและจังหวะที่แม่นยำ
ส่วนผู้เข้าร่วมที่ล้มเหลวก่อนหน้านี้ก็กระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด
ช่วยไม่ได้ที่เขาจะทำได้ดีกว่า
เพราะมุนแดรู้จักเพลงนี้อยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้น เสียงของเขาเหมาะกับเพลงนี้มาก ทำให้โค้ดพอใจขึ้นไปอีก
เหล่าผู้เข้าร่วมกระซิบกระซาบกัน
ขณะที่พวกเขามองดูใบหน้าที่มีความสุขของมิวดี้
“…เขาเก่งจริงๆ”
"นั้นสิ"
ที่แย่คือ
คนที่ร้องอยู่คือคนธรรมดา ดังนั้นเด็กฝึกที่มาจากค่ายต่างๆจึงกดดันขึ้นไปอีก
พวกเขาไม่ควรทำได้แย่กว่าคนไม่เคยได้รับการฝึกฝน สีหน้ายอมรับไม่ได้ของชเววอนกิลจึงเข้าใจได้
ชเววอนกิล คือเด็กมัธยมที่หาสมัครพรรคพวกตอนต้นรายการคนนั้น
เป็นวัยที่อัตตาสูง ไม่แปลกที่จะโกรธเพราะ
ถูกเปรียบเทียบกับคนที่เขาคิดว่าแย่กว่าตัวเอง ที่จริงความสามารถแบบชเววอนกิลไม่ควรมีปัญหา
แต่เขากลับดื้อดึง ไม่ทำตามที่โค้ดแนะนำ เหมือนต้องการเอาชนะคนอื่นจนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
อย่างวันแรกของคลาสเองก็ไม่ธรรมดา
เมื่อปิดไมโครโฟน ชเววอนกิลมักจะพูดจาคลุมเครือ สร้างความกังวลใจให้กับคนอื่น แม้แต่มุนแดเองก็เคยโดนพูดแซะหาเรื่องมาแล้ว
สุดท้ายนี้ตลอดคลาสร้องเพลง10วัน
ชเววอนกิลก็หมกมุ่นอยู่กับการที่มุนแดได้คำชม จนทำพลาดตกชั้นไปเอง
******
วันประเมิน คณะกรรมการพูดเปิดรายการ
พร้อมตอบรับกับเซอร์ไพรส์ที่เกิดขึ้นเหมือนคาดไม่ถึงมาก่อน นั้นคือการประเมินอันดับครั้งนี้
จะประเมินแบบเปิดเผยต่อหน้าผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ต่างจากครั้งก่อนที่เป็นการประเมินเดียว
ผู้เข้าร่วมตกใจ
สีหน้าของทุกคนแข็งกระด้าง ตรงกันข้ามกับสีหน้าเบิกบานของพิธีกรมืออาชีพ
“ผู้เข้าร่วม 77 คนที่ฝึกเพลงเดียวกัน จะประเมินกันและกันในฐานะผู้ชม!”
“อันดับที่ 77 ชูซองกู เชิญขึ้นมาบนเวทีครับ!”
แถมยังเริ่มจากอันดับสุดท้ายไล่ขึ้นมา
ผู้เข้าร่วมที่ถูกเรียกขึ้นเวทีดูเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ผู้คนมองมาที่เขาด้วยความเห็นอกเห็นใจและกระซิบกระซาบกัน แต่มุนแดไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เช่นเดียวกับการประเมินอันดับครั้งแรกของซอนอาฮยอน
การตัดต่อสามารถทำให้ทุกอย่างเป็นดราม่าได้ ยิ่งครั้งนี้ที่เริ่มจากตัวหมากใช่แล้วทิ้ง
มันคือการข่มขวัญชั้นดีเมื่อ เมื่อคนแรกพลาดและทำลายการประเมินโดยสิ้นเชิง
ผู้เข้าร่วมรายต่อไป
ก็ไม่สามารถทนอยู่บนเวทีที่บรรยากาศหนาวเย็นและตึงเครียดได้ หลังจากประเมินคนห้าหรือหกคนด้วยวิธีนี้
กรรมการก็ไม่สามารถซ่อนความรู้สึกไม่สบายใจบนใบหน้าของพวกเขา
มันเป็นการจัดการที่โหดร้าย
แต่ทีมผู้ผลิตไม่มีอะไรจะเสีย ยิ่งตอนนี้ดูไม่ได้มากเท่าไร คนที่ทำได้ยิ่งเปล่งประกายขึ้นเท่านั้น
หรือแม้แต่คนที่ทักษะแย่เอง ก็สามารถใช่เรื่องนี้เป็นจุดขายได้เหมือนกัน
อย่างเช่นตอนนี้
ที่อีเซจินA(อดีตนักแสดงเด็ก) ได้รับการตบมือจากกรรมการ ว่ากันตามตรง
ตัวเขาตอนนี้ยังไม่ถือว่า ‘ดี’
แต่เมื่อเทียบคนอื่นๆ เขาที่ร้องและเต้นได้จบเพลงมีความแตกต่างชัดเจน ทำให้เวทีน่าดูขึ้นมาก
เห็นกระแสนี้ พัคมุนแดก็สงสัยขึ้นอีกครั้ง
'เขาคืออีเซจินที่ได้เดบิวต์รึเปล่า'
แต่เพราะ ไม่มีหลักฐานดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ไม่ว่าคนไหน อยู่ให้ห่างไว้ก่อนดีที่สุด
การประเมินที่น่าเบื่อยังดำเนินต่อไป
ทักษะของผู้เข้าร่วมค่อยๆ
ดีขึ้น และบางคนก็โดดเด่นเป็นครั้งคราว แต่มันก็ยากที่จะฟังเพลงเดียวกันมากกว่า 40
ครั้งหลังจากอารมณ์ที่ตึงเครียดในช่วงแรกสงบลง มันก็กลายเป็นบรรยากาศชวนรู้สึกง่วงแทน
เมื่อความเบื่อถึงจุดสูงสุด
ก็ถึงคิวของพัคมุนแด
ซอนอาฮยอนที่ลงจากเวทีประเมิน
ก็ชูกำปั้นไปยังพัคมุนแดที่ใบหน้าว่างเปล่า พยายามให้กำลังใจเขา
มุนแดรู้สึกประหลาดใจ
แต่เขาก็ทักทายกลับอย่างใจเย็น จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้าๆ ความตื่นเต้นที่ไม่คุ้นเคย ชวนให้รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว
กรรมการนักออกแบบท่าเต้นไม่สนใจพัคมุนแดนัก
หลังฝึกอยู่หลายวัน อีกฝ่ายก็ยังเต้นไม่ได้ เขาเลิกสนใจไป จนได้เห็นการหมุนตัวครั้งนี้บนเวที
“….?”
คนแรกที่รู้สึกผิดคาดคือนักออกแบบท่าเต้น
คลาสเรียนครั้งสุดท้ายเมื่อสองวันก่อน อีกฝ่ายยังไม่มี 'ไลน์เต้น' เลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับทำได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน เขาทำได้ยังไงกัน?
Social Plugin