(สปอย์) ครอบครัวใหม่ของผมเป็นไดโนเสาร์ เล่ม 2

 [คำเตือน]


เนื้อหาโพสนี้คือการ สปอย์  ถ้าต้องการอ่านรีวิว *กด*

ต้องการอ่านสปอย์ เลื่อนลงได้เลย ♥



    (สปอย์) ครอบครัวใหม่ของผมเป็นไดโนเสาร์ เล่ม 2

    (ต่อจากเล่ม1) เช้าวันหนึ่งลูอี้(พระเอก)ขนร่วงทำให้ครอบครัวตกใจกันมาก เพราะขนร่วงมักเป็นอาการที่แสดงถึงโรคร้ายที่อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต แบบเดียวกับที่ไป๋เคยเป็นจนจิตตกเมื่อหลายปีก่อน แต่เมื่อปรึกษากับเฮม(เผ่ากระต่ายหิมะ)แล้วก็รู้ว่าตอนนี้สัตว์มีขนกลุ่มใหญ่กำลังมีอาการขนร่วงเพราะอากาศร้อนขึ้น

    เมิ่งจิ่วเจา(นายเอก)อาศัยอยู่ในฤดูหนามานานแทบจะลืมเรื่องสามัญอย่างขนร่วงฤดูร้อนไปแล้ว เขาจึงประดิษฐ์แปรงหวีขนอย่างง่ายๆขึ้นมา เจ้าไก่ลูอี้กับพ่อๆทั้ง2ต่างชอบการแปรงกันมาก

    เมิ่งจิ่วเจาสังเกตดูจึงเห็นว่าตอนนี้น้ำแข็งและหิมะหนา ที่ปกคลุ่มมานานหลายปีเริ่มละลายกลายเป็นทิวทัศน์ใหม่ อากาศร้อนขึ้นแล้วจริงๆ นำพาการเปลี่ยนแปลงที่ดี เพราะพืชพันธุ์เจริญงดงามและมีเหยื่อให้ล่ามากขึ้น

    เพราะภูมิประเทศมีความเปลี่ยนแปลงคนในเผ่าจึงงานยุ่งมาก จากการรวบรวมข้อมูลเหยื่อโดยรอบใหม่อีกครั้ง ทีตา(แมมมอธ)จึงฝากให้ไวเซอร์(ยูทาห์แรปเตอร์)สอนเด็กๆออกล่า ความหมายของเธอคือ เขาเป็นคนครัวตัวเล็กให้เล่นเป็นเหยื่อ แต่เขาไม่รู้จึงพาเด็กออกไปล่าในสถานที่จริง จากนั้นก็สอนหลักการล่าเหยื่อให้เด็กๆ

    หลังจากนี้อีกนานมาก กว่าพ่อแม่เด็กจะรู้ตัว สัตว์น้อยฝูงนี้ก็กลายเป็นยูทาห์แรปเตอร์ในคราบสัตว์ต่างๆแล้ว

    เขาคิดว่าถึงเด็กๆแข็งแรงมากแต่คงไม่สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก แต่เด็กๆหลายตัวทำได้ดี เมิ่งจิ่วเจาที่เป็นมนุษย์ถึงกลับฆ่าวัวได้สำเร็จ เมื่อเอาเนื้อกลับบ้านไป พ่อๆของเขาปลาบปลื้มดีใจมาก ที่เคยกลัวว่าลูกไร้ขนจะไม่มีข้าวกินตอนนี้วางใจได้แล้ว

    เมื่อหิมะและน้ำแข็งละลาย ในเวลาว่างเด็กๆกลุ่มนี้ก็มักจะออกไปผจญภัยกัน พวกเขาเดินเลียบลำธารไปเรื่อยๆเจอผลไม้มากมายที่สำคัญ ยังเจอแกะเขาเกลียวด้วย สำหรับมนุษย์เนื้อเกะพันธุ์กำลังดีที่สุดฉะนั้นเมื่อก่อนเมื่อพ่อๆเห็นว่าเขาชอบจึงแบ่งให้เขามากพิเศษส่วนตัวเองแทบไม่ได้กิน ตอนนี้เมิ่งจิ่วเจา(นายเอก)ได้ทำตามความฝันของตัวเองแล้วคือล่าแกะกลับไปให้พวกพ่อๆ!

    ไม่ต้องพูดเลยว่าไป๋กับแบล็คซึ้งใจกันขนาดไหน ในฐานะลูกสัตว์ที่พลัดหลงกับพ่อระหว่างทาง พวกเขาแทบไม่มีความรู้ทั่วไปเลย ทั้งยังมีไข่ช่วงที่สับสนในชีวิต 1ในนั้นยังเป็นลูกไร้ขน(มนุษย์)ที่บอบบางเป็นพิเศษ ยังต้องเจอกับความอับจนต่างๆ ดูแลตัวเองก็ลำบากแล้ว แต่พวกก็ทุ่มเทให้เด็กๆด้วยความรักทั้งหมด เวลานี้ได้รับความรักที่มากมายกลับมาจากลูกน้อยเช่นเดียวกัน

    เขาตอบแทนลูกน้อยด้วยการพาไปฝึกบิน ฟังเสียงหวีดร้องสุดหวาดกลัวของเมิ่งจิ่วเจาเป็นเสียงชอบใจ แน่นอนเมิ่งจิ่วเจากล้าหักน้ำใจพวกพ่อๆที่ทางท่าดีใจไหม แน่นอนว่าไม่ เขาบอกพวกพ่อไปว่าชอบการบินๆแบบนี้มาก...

    หลังจากวันนั้นผ่านไป กลุ่มเด็กก็เจอฟูงแกะเดิมอีกแล้ว พวกเขาล่ามันอีกหลายครั้ง จนในที่สุดเจ้าของฟูงแกะทนไม่ไหว ไม่ยอมให้ใครให้มาขโมยอีกแล้ว ใช่แล้ว ฮารุหมาต้อนแกะเข้าใจว่าแกะของเขาถูกขโมยระหว่างพาแกะกินหญ้า วันต่อมาเขาเตรียมตาข่ายแล้วดักเด็กๆได้กลุ่มหนึ่ง ประกอบด้วย เสือ สิงโต และไก่

    เขาเข้าในว่าไก่(ลูอี้)โดนพวกเสือสิงโตล่ามาอีกทีจนปล่อยไก่ไป มันจึงกลับมาช่วยเพื่อนที่โดนจับอยู่ แถมเด็กๆกลุ่มนี้ยังล่าแกะ และเก็บพืชผลแถวนี้กลับบ้านไปอีกด้วย เมื่อคนในหมู่บ้านกลับมาจากกินข้าวก็ต้องอึ้ง นี้พวกเขาโดนปล้นงั้นเหรอ แต่พวกเขาก็พบกับแท่งเกลือที่เด็กๆทำตกไว้ พวกเขาเข้าใจว่านี้เป็นการแลกเปลี่ยน แถมยังคุ้มเกินคุ้ม เกลือสำหรับเผ่าอื่นมีค่าและหายากมาก เกินพอสำหรับพืชผลที่โดนเก็บไป

    แต่ฮารุที่เสียแกะไปทั้งหมด กลับไม่ได้รับค่าเสียหายอะไรสักอย่าง บ้านอื่นแค่พืชโดนเก็บยังได้เกลือ แต่เขาเสียแกะไปทั้งหมดกลับไม่ได้อะไรเลย จากนั้นเขาก็มีโอกาสเจอลูอี้และได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือหัวขโมยแกะ สุดท้ายด้วยความเจ็บใจเหลือแสน หมาต้อนแกะอย่างเขาก็ไล่ตามไก่จนมาถึงเขตของเผ่าเมิ่งจิ่วเจาจนได้

    เมิ่งจิ่วเจาเห็นพี่น้องของตัวเองโดนหมาไล่ตามมาก็ตกใจ เขาไม่ได้กลัวคันทัสเป็นอันตรายหรอก กลัวตัวเองจะได้กินเนื้อหมาต่างหาก โชคดีที่ฮารุเปลี่ยนกลับมาคุยในร่างมนุษย์ แถมเขายังเป็นหมาที่ซื่อบื่อเหลือเกิน เมิ่งจิ่วเจาจึงรู้ว่าหินที่ไร้ค่าในเผ่าตัวเองคือเกลือที่แสนมีค่า เขาใช้เกลือ2ก้อนก็ชดใช่ค่าเสียหายจากแกะ28ตัวได้แล้ว ได้เปรียบจนลำบากใจ จากนั้นเขากับฮารุก็กลายเป็นเพื่อนต่างเผ่ากัน

    เมิ่งจิ่วเจาพยายามเอาเกลือมาต้ม ป่นจนเป็นสีขาวบริสุทธิ์คนอื่นๆในเผ่าจะได้รู้ว่านี้เป็นของกินที่มีประโยชน์มาก แต่ด้วยความเข้าใจผิด ก่อนที่เกลือสีขาวเหล่านี้จะได้เป็นเครื่องปรุงประกอบอาหาร ก็ได้เป็นเครื่องมือเสริมความงามไปแล้ว เพราะสาวๆในเผ่าพบว่าถ้านำเกลือออาบน้ำขัดตัว ผิดจะสะอาดมาก

    ต่อมาเมิ่งจิ่วเจารู้จากฮารุว่าจะมีตลาดแลกเปลี่ยนของที่หลายเผ่าพันธุ์มารวมตัวกัน 2เผ่าที่อยู่ไม่ไกลกันจากทางเหนือจึงตกลง รวมกลุ่มแล้วเดินทางไปงานแลกเปลี่ยนของด้วยกัน

    ที่นี่เมิ่งจิ่วเจาได้พบเจอผู้คนจากหลายเผ่า และได้เห็นว่ากลุ่มอื่นๆโดยเฉพาะสัตว์กินพืชต่างมีพัฒนาการการประดิษฐ์ของใช้กันเป็นอย่างมาก แถมนิสัยก็ออกไปใช่ทางเจ้าเล่ห์ซะด้วย แต่เมิ่งจิ่วเจาจะยอมให้พ่อๆเสียเปรียบได้ยังไง ที่ร้านของเล่นเขาซื้อลูกบอลที่พ่อๆชอบเล่นที่สุด โดยเจ้าของพึงรู้ตัวว่าตัวเองโลภมากแต่กลายเป็นการขาดทุนจนอยากจะร้องไห้ ส่วนที่ร้านเสื้อผ้า เมื่อแม่ค้าดูถูกพ่อของเขา เมิ่งจิ่วเจาจึงใช่คำพูดที่ดูไร้เดียงสา แต่จัดการจนอีกฝ่ายก็หน้ามานขายของให้ลูกค้ารอบๆไม่ได้

    แต่แม่ค้าเองก็ไม่ได้เข็ดหลาบ เมื่อกลุ่มของทีตาและสาวๆเผ่าหว่าสือมาถึงร้านเสือผ้า เธอก็พูดจาดูถูกที่พวกเขาดูเหมือนคนป่าไร้อารยธรรม เมื่อถูกตอกหน้ากลับ นางก็ให้ตัวผู้ในเผ่าสั่งสอนคนอื่น ตัวผู้คืนร่างสิงโตคำรามขู่แต่กลับกลายเป็นถูกนาซาร์(ตัวเมียเผ่าสิงโต)คืนร่างแล้วขย่ำทิ้งทันที

    แม่ค่าแซะพวกนางอยู่ตั้งนาน แต่เหล่าสาวถึกที่ใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณพวกนี้ไม่มีใครเข้าใจ แต่เมื่อได้ยินเสียงคำรามที่สื่อถึงการดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ พวกนางเข้าใจแล้ว ดังนั้นจึงลงมือโต้ตอบทันที สุดท้ายแล้วต่อหน้าพลังอันสมบูรณ์ อุบายหรือเลห์เหลี่ยมใดๆล้วนไร้ประโยชน์

    เหล่าสาวอารมณ์ไม่ดีเท่าไร แต่เมื่อนึกถึงเด็กๆที่ออกมาปกป้องพวกเธอแล้ว และเวลานี้ก็แสดงความสดใสร่าเริงออกมา พวกเธอก็รู้สึกได้รับการปลอบประโลม จากนั้นพวกเธอก็ไปเดินดูของกินกันต่อก่อนจะกลับแพงลอยของเผ่า

    ด้านแพงลอยของเผ่า เฮมกำลังดูแลเด็กๆอยู่ เขาอย่างเนื้อให้เด็กๆกิน และคงเพราะเนื้ออย่างหอมมากจึงมีตัวผู้เข้ามาขอเนื้ออย่างที่แผงลอยเรื่อยๆ ซึ่งเฮมปฏิเสธหมดจนกระทั้งเจอคนๆหนึ่ง เขาประเมินแล้วว่าสู้อีกฝ่ายไม่ได้ไม่อยากมีเรื่องด้วย จึงมอบเนื้ออย่างส่วนของตัวเองไป อีกฝ่ายกินอย่างเอร็ดอร่อยก่อนแปลงร่างเป็นนกแล้วระบำรอบตัว ก่อนมอบขนนกแล้วบินจากไป จากนั้นเขาก็ถูกสาวๆแผงลอยข้างๆรุมต่อว่า

    ปรากฏว่า การตั้งแผงลอยไม่ขายของ(จริงๆคือขายหมดไปแล้ว) จากนั้นอย่างเนื้อแล้วมอบให้ตัวผู้ที่มาขอ คือการหาคู่ของตลาดแห่งนี้ และตัวผู้เมื่อครู่คือนกฮูกมังกรชื่อดังของเผ่า ซึ่งไม่เคยชายตาแลใครมาก่อน จู่ๆวันนี้กลับสนใจจนแลกของแทนใจ(ขนนก)กันซะแล้ว สาวๆโกรธเคืองมาก

    เฮมอึ้ง เขายังไม่คิดหาคู่ และยังคิดจะปฏิเสธด้วยซ้ำ แต่แล้วเมื่อนกฮูกตัวนั้นบินกลับมารับตัวแฮม เมื่อคุยกันแล้วปรากฏว่าถูกคอกันมาก พวกเขาจึงตกลงปรงใจกันทันที นกฮูกรับตัวเฮมไปที่บ้านของตัวเอง ซึ่งเฮมก็บอกว่าในวันเดินทางกลับตนจะกลับมา

    แต่วันเดินทาง เมิ่งจิ่วเจากลับพบว่าทุกคนกำลังจะออกเดินทางโดยไม่รอเฮม พ่อจึงอธิบายกับเขาว่านี้เป็นความเคยชินของมนุษย์สัตว์ การจากกันโดยไม่ลาเป็นเรื่องปกติ ทุกคนจะต้องเคยเจอเรื่องแบบนี้กันมาแล้ว อย่างการที่พวกพ่อๆต้องจากกับปู่เพราะภัยพิบัติ สิงโตแก่มักจะออกจากฟูงไปรอความตายเพียงลำพัง แมมมอธชายจะโดนไล่ออกจากฟูง ทุกคนต่างซึมลงเมื่อได้ยินบทสนธนานี้

    แต่เมิ่งจิ่วเจาไม่ยอมรับ เขาบอกอย่างจริงจังว่าเขาอยากจะอยู่กับพ่อตลอดไป ถึงโตแล้วต้องแยกบ้านก็จะสร้างบ้านอยู่ข้างๆ ตอนนี้พ่อดูแลเขากับลูอี้ ต่อไปจะเป็นเขาดูแลพ่อคืนบ้าง พ่อๆต่างโอบตัวเขาแล้วร้องไห้ ทุกคนก็เหมือนกัน ตอนนั้นเองที่บนฟ้ามีเสียงกระพือปีก เป็นเฮมกับคู่ของเขานั้นเอง

    พวกเขาแค่ไปสวีตส่วนตัวและเก็บของที่รังของอวี่(นกฮูกมังกร) จากนี้อวี่จะกลับไปกับพวกเขา ทุกคนได้ยินแล้วดีใจมาก ขามามี20 ขากลับไม่เสียใครไปและเพิ่มมาอีก1

    ระหว่างทางพวกเขาเจอไฮยีนาที่เป็นโจรมาปล้นชิง แต่สู้กำลังรบของสาวถึกกลุ่มนี้ไม่ได้จึงบาดเจ็บหนักกลับไปแทน เมื่อถึงเผ่าแล้ว พวกเขาก็ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่อย่างเป็นทางการ และยินดีกับของสิ่งของและอาหารใหม่ๆที่ไปแลกเปลี่ยนมาครั้งนี้อย่างมาก

    ด้านไฮยีนา มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าฟูงขึ้นเพราะการต่อสู่ที่ผ่านมา หัวหน้าฟูงคนใหม่บ้ายิ่งกว่าเดิม นอกจากปล้นแล้วยังฆ่าเผ่าอื่นด้วย ตอนนี้เผ่าอื่นรอบๆพวกเขาต่างก็เริ่มย้ายถิ่นหนีไฮยีนาฟูงนี้แล้ว วันหนึ่งตอนที่ฮารุมาเตือนเมิ่งจิ่วเจา กลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้ไฮยีนาตัวหนึ่งลักพาตัวเมิ่งจิ่วเจาไป เธอขย่ำเมิ่งจิ่วเจาจนบาดเจ็บแต่ขณะเดียวกันลู่อี้ที่อยู่ด้วยกันก็เข้ามาโจมตีไฮยีนาตัวนี้เจ็บเช่นกัน

    เธอคืออดีตหนัวหน้าฝูง ลักพาตัวเด็กหมายจะให้เผ่าหว่าสือทำสงครามกับไฮยีนาเพราะความผิดใจนี้ เธออยากแก้แค้นหัวหน้าฝูงตัวปัจจุบัน แต่แล้วฝูงไฮยีหน้าก็ตามมา พวกเขาโดนกดดันจนตกหน้าผาไป

    แบล็คกับไป๋ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากลูกๆ พวกเขารีบวิ่งมา แต่ก็ไม่ทัน ลูกของพวกเขาตกหน้าผ้าไปแล้ว พวกเขาโกรธตัวเองมาก ขณะเดียวกันก็คืนร่างเดิมเป็นคันทัสแล้วจัดการฆ่าไฮยีหน้าทุกตัว เผ่าหว่าสือตกใจมาก เดิมทีไดโนเสาร์ก็เป็นเหมือนสัตว์ประหลาดสำหรับพวกเขา แต่นี้คือแบล็คกับไป๋ เพื่อนบ้าน คนร่วมเผ่าที่อยู่กับพวกเขามาหลายปีนั้นเอง และเวลานี้ทั้งคู่ยังสูญเสียลูกของตัวเองไปอีกด้วย

    หลังจัดการเรื่องนองเลือดตรงนี้เสร็จ พวกเขาก็ไปที่หน้าผา อวี่บินลงไปตรวจสอบ เขาไม่สามารถลงไปลึกได้เพราะลมแรงมาก แต่เขาสัมผัสไอชื้น พอจะบอกได้ว่าข้างล่างเป็นน้ำ แบล็คกับไป๋ตัดสินใจที่จะกระโดดตามเด็กๆลงไป แม้ใจทุกคนจะบอกว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว แต่พวกเขาก็บอกว่า แล้วเจอกัน ที่นี่จะเป็นเผ่าของพวกเจ้าตลอดไป พวกเขาหวังจริงๆว่าครอบครัวจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และหวังว่าพวกเขาจะได้กลับมาที่เผ่า

    ด้านเด็กๆ พวกเขายังไม่ตาย และได้พบกับโลกใบใหม่ แผ่นดินพื้นนี้เมิ่งจิ่วเจาคิดว่านี่คงเป็นฝั่งบ้านเกิดที่ปู่หายตัวไป และพวกเขาเกิดที่นี่ก่อนจะหนีแผ่นดินไหวจนหลงไปที่แผ่นดินหว่าสือ ที่นี่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์เผ่าต่างๆมากมาย แม้แต่พืชก็ยังอันตราย พวกเขาพี่น้องกลายเป็นชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร

    ตอนแรกพวกเขายังใช่หลุมกับดักจับไมโครแรปเตอร์ ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ตัวเล็กได้อยู่บ้าง แต่ไมโครแรปเตอร์พวกนี้ฉลาดมาก 2-3วันต่อมาหลุดกับดักก็ไม่ได้ผลแล้ว แต่พวกเขาก็เรียนรู้จากมัน อาศัยการขโมยไข่จนอยู่รอดไปได้อีกหลายวัน ขนาดที่สามารถบอกได้เลยว่าไข่ตัวนี้รสชาติแบบนั้น ไข่เผ่านั้นรสชาติแบบนี้

    ต่อมาพวกเขาก็เจอเข้ากับคันทัสตัวหนึ่ง ลุงแปลกหน้าตัวนี้ร่างกายใหญ่โตกว่าพ่อของเขาซะอีก อีกฝ่ายพยายามทำดีเขาพวกเขา ล่าสัตว์หาเหยื่อมาให้ สุดท้ายก็ลักพาตัวพวกเขาไปอยู่ด้วยที่รัง จากนั้นก็ดูแลเป็นอย่างดี แต่การดูแลนี้ตระกะไดโนเสาร์มาเต็ม ไม่แข็งแกร่งจริงอยู่ไม่ได้ เอ่อ ถึงจะไม่มีอันตรายแต่วิธีการเลี้ยงดูแบบนี้พวกเขาจะตายคามือก่อนนะ!

    เมิ่งจิ่วเจากับลูอี้คิดถึงพ่อๆเหลือเกิน

    ด้านแบล็คกับไป๋กำลังตามมาแล้ว พวกเขาลงมาถึงข้างล่าง เจอไดโนเสาร์น้อยใหญ่ที่ชวนนึกถึงเมื่อก่อน ขณะเดียวกันก็ตามรอยหลุมกับดับ ซากเปลือกไข่จนมั่นใจขึ้นเรื่อยๆว่าลูกๆยังมีชีวิตอยู่ ต่อมาเขาได้พบคันทัสตัวใหญ่ที่เลี้ยงลูกๆของพวกเขาจนเป็นก้อนโคลนสกปรก แบล็คร้อนใจอยากจะรีบไปแย้งตัวมา แต่ไป๋จำได้ว่าคันทัสตัวนั้นอาจจะเป็นพ่อของพวกเขาเอง และแล้วครอบครัว3รุ่นก็พร้อมหน้ากันอีกครั้ง

    เมิ่งจิ่วเจา(นายเอก)รู้แล้วว่าที่แท้คันทัสตัวใหญ่คือปู่ของพวกเขา เมื่อเอาสิ่งที่พ่อเคยเล่าให้ฟังมารวมกับประสบการณ์จริงในหลายวันนี้แล้ว.. คุณปู่ที่สูงใหญ่กำยำ(อันนี้ถูกต้อง) เฉลียวฉลาด(ตลก) เฉียบแหลม(เซ่อซา) เรียกว่าพ่อในสายตาลูกๆก็ไร้ที่ติเสมอนั้นแหละ

    แน่นอนว่าที่เมิ่งจิ่วเจาดีใจที่สุดคือการดูแลอย่างละเอียดอ่อนและสะอาดสะอ้านก็กลับมา ได้นอนอยู่ใต้ท้องอุ่นๆของพ่อไม่ต้องถูกอมไว้ในปากเหม็นๆอีกแล้ว! พวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขพักใหญ่ จนวันหนึ่งขณะที่อาบน้ำอยู่ริมทะเล ก็มีไดโนเสาร์ตกลงมาจากฟ้า แถมไดโนเสาร์ตัวนั้นยังเป็นไวเซอร์(ยูทาห์แรปเตอร์)ที่ตกหน้าผาลงมานั้นเอง
    
    เมื่อได้สติแล้วไวเซอร์ก็เล่าว่าเผ่าเป็นห่วงว่าครอบครัวพวกเขาจะติดอยู่ใต้หน้าผาแล้วปีนกลับขึ้นมาไม่ได้ ดังนั้นจึงจัดเวรยามให้คนโยนเสบียงลงมาเรื่อยๆ แต่วันนี้หน้าผากลับถล่มจนเขาตกลงมา เมิ่งจิ่วเจาเดาว่าแผ่นดิน2แผ่นที่เคยลอยแยกกันไปเวลานี้ได้ลอยกลับมาชนกันอีกครั้งแล้ว หลักฐานก็คือ อากาศที่เปลี่ยนแปลงและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

    เมิ่งจิ่วเจากังวลถึงคนอื่นๆ เพราะเหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่มีทางเกิดขึ้นแค่จุดหน้าผาแน่ ตอนนั้นเองที่คนอื่นๆในเผ่าตกลงมาจากบนฟ้าแล้วร่วงลงทะเล โชคดีที่ครอบครัวคันทัสอยู่ตรงนี้พอดี พวกเขาจึงเก็บกู้ทุกคนขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย

    (ย้อนกลับไปตอนแผ่นดินไหว ที่เผ่าหว่าสือ)

    วันนี้ดูไม่ต่างอะไรกับวันธรรมดาทั่วไป แต่สัตว์ที่รู้สึกถึงความผิดปกติเป็นตัวแรกคือ กระต่ายหิมะพ่อของเฮม มันแก่จัดจนเลยวัยชราทั่วไปแล้ว ทุกวันนี้ก็นอนหลับบนที่นอนอย่างหลงๆลืมๆ แต่เมื่อจะมีภัยอันตรายเกิดขึ้น มันรีบออกจากบ้านมา ด้วยท่าทางร้อนรนผิดปกติ

    คนที่เจอมันคือทีตา เธอไม่ได้ชะล่าใจเพราะความแก่หรือเพราะมันเป็นสัตว์อ่อนแอตัวเล็ก แต่กลับยิงพรุสัญญาณเรียกสัตว์ทุกตัวกลับเผ่า ตอนนั้นเองที่เริ่มเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ตั้งแต่คลื่นสะเทือนเบาๆจนกลายเป็นดินถล่ม แต่เพราะรู้ตัวเร็ว จึงวางแผนรับมือได้เร็ว รวมถึงยังมีเสวี่ยฮวา(เผ่าต้นไม้)ที่กลับคืนร่างเดิม เขาถักทอรากไม้ให้ยึดดินไว้ ขณะที่รอบข้างเละเทะไปหมดแล้ว มีเพียงแค่เผ่าหว่าสือที่ยังรอดอยู่

    แต่ทุกคนรู้ว่ามันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น พวกเขารอให้คนกลับเผ่ามาให้มากที่สุดแล้วเตรียมอพยพ แต่การขานชื่อสมาชิกก็ทำให้รู้ว่ามีคนหายไปกว่า1ใน3 ตอนนั้นเองทีตาสังเกตว่ากระต่ายแก่ที่มาเตือนภัยเป็นตัวแรกหายไป เธอตกใจและกังวลเหลือเกินแต่ก็หามันไม่พบ

    กระต่ายหิมะพ่อของเฮมออกมาตามหาลูกของตัวเองจริงๆ มันแก่มากแล้วหลงลืมเรื่องราวไปมาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่จดจำได้ชัดเจนคือลูกๆ และมันมักจะตามหาตัวลูกเจอเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน มันเจอเฮมแล้วแต่อีกฝ่ายติดอยู่ในรอยแยกแผ่นดิน เรียกแค่ไหนลูกของมันก็ไม่ขยับ ขณะที่ร้อนใจร่างกายก็มีความเปลี่ยนแปลง

    ด้านอวี่คู่ของเฮม เขากำลังตามหาคนรักเช่นกัน เขาบินอยู่หลายรอบ ทุกครั้งก็สามารถช่วยคนที่บาดเจ็บอยู่ข้างนอกไว้ได้ แต่กลับหาเฮมไม่เจอ ตอนนั้นเอง จุดที่เขามั่นใจว่าบินผ่านมา3ครั้งร่างของเฮมก็ถูกดันออกมา เขาดีใจมากและรีบลงไปรับ

    เฮมได้สติขึ้นมาตอนกำลังถูกดันร่องพื้นดิน เขาเจ็บหนักและขยับตัวไม่ได้ แม้แต่เสียงก็เปร่งไม่ออก จนเมื่อออกมาถึงพื้นข้างบนเขาก็พยายามส่งเสียงเรียกคนที่ติดอยู่ข้างในแทนตัวเอง เสียงที่ตอบกลับมานั้นคุ้นเคยดี เสียงร้องยามดีใจของกระต่ายหิมะ เขาถึงได้รู้ว่าคนที่ช่วยดันเขาออกมาคือพ่อของตัวเอง และคลื่นแผ่นดินไหวระลอกใหม่ก็กลืนกินพ่อของเขาไปทั้งแบบนั้น

    เฮมถูกอวี่พากลับเผ่าไปพร้อมน้ำตา ตอนนี้ที่เผ่า เสวี่ยฮวา(เผ่าต้นไม้)ถักทอตัวเองเป็นลูกกลม ปกป้องทุกคนตกดินถล่มด้านบน ซาลหัวหน้าเผ่าออกคำสั่งให้พวกเขาอพยพเมื่อคลื่นแผ่นดินไหวหยุดลง พวกเขาจะไปเสี่ยงดวงที่หน้าผาที่ครอบครัวคันทัสเคยลงไป ด้านล่างมีน้ำอาจรอดชีวิตได้ เสวี่ยฮวาเองก็ไม่ขัดค้านเขาตัดรากที่ยึดพื้นดินไว้ ข้างในขนเด็กๆและสัตว์บาดเจ็บ เผ่าที่อ่อนแอ ส่วนสัตว์ตัวใหญ่ยังมีแรงก็ช่วยกันกลิ่งบอลไม้ไปถึงหน้าผา ที่ซึ่งไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป

    พวกเขาเอาชีวิตเป็นเดิมพัน และรอดมาได้ด้วยความกล้าหาญนี้เอง

    (จบเล่ม2)



Ad Code

Responsive Advertisement