[รีวิว] ครอบครัวใหม่ของผมเป็นไดโนเสาร์ เล่ม 1-2



  


    [รีวิว] ครอบครัวใหม่ของผมเป็นไดโนเสาร์ เล่ม 1-2

    ตอนที่อ่านหลังเล่มรู้สึกว่ามันธรรมดามากๆ แต่พออ่านข้างในแล้วใช้ได้เลย

    ในส่วนของเล่ม1 เราว่ามันธรรมดาจนไม่รู้จะรีวิวอะไร ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษแต่ก็ชวนอยากรู้นิดหน่อยว่าครอบครัวไดโนเสาร์นี้จะจะเป็นยังไงต่อ เพราะงั้นถึงซื้อเล่ม2 จากนั้นก็รู้สึกไม่ผิดหวังเลยจริงๆ

    เราชอบความสัมพันธ์แบบครอบครัวนี้มาก
    
    เล่ม1-2ข้ามความรักของพระนายไปก่อนได้เลย ยังเด็กกันอยู่นอกจากพูดถึงชาติที่แล้วก็ไม่มีอีก แต่ขณะเดียวกันเราก็ชอบที่ไม่ยัดเยียดบทให้พวกเขารัก แน่นอนดูจากที่เกลิ่นๆไว้ทั้งคู่คงมีซัมติง แต่สิ่งทำให้เราตามอ่านต่อคือความรักของครอบครัวมากกว่า

ในเรื่องตอนอ่านเล่ม1มีสิ่งที่เราไม่ชินมากที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่านักเขียนทำได้ดีคือความเป็นไดโนเสาร์ที่ใช้ชีวิตกันแบบหยาบๆ ไม่ใช่แค่ครอบครัวตัวเอกที่เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อ ระบบความคิดต่างๆถึงมีความเป็นสัตว์ป่า แต่ตัวละครอื่นๆก็แสดงออกได้ชัดเจนถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่รองลงมาในห่วงโซ่อาหาร ทั้งสัตว์กินเนื้อและสัตว์กินพืชอื่นๆก็เหมือนกัน

ธีมของชีวิตยุคหิน+ความแฟนตาซีที่สัตว์พวกนี้แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่ก็ยังใช้สัญชาตญาณนำทางกันอยู่

    ตระกะความคิดของพวกเขาทำให้เรื่องราวของสัตว์กลุ่มนี้มีชีวิตชีวาอย่างที่นานๆทีจะเจอ (เพราะนิยายเรื่องอื่นส่วนใหญ่ก็หมาแมว หรือต่อให้เอาตัวแปลกๆมาเป็นตัวเอก แต่ตระกะความคิดวิธีการแสดงออกกลับไม่ค่อยต่างอะไรกับเรื่องที่หมาแมวเป็นตัวเอกเลย เช่นเน้นความนุ่นฟู ไรเดียงสา น่ารัก เพราะงั้นมุมนี้ถึงได้รู้สึกว่านักเขียนเก่งมากที่ทำให้เรารู้สึกว่า ถึงจะเป็นลูกสัตว์แต่ก็เป็นสัตว์ป่านะ Orz...)

    และชีวิตที่ดำเนินด้วยสัญชาตญาณแบบนี้เองทำให้บางครั้งก็ตลก บางครั้งก็ใจฟู และบางครั้งก็บีบคั้นหัวใจเหลือเกิน

    เล่ม1ทำให้เราอยากรู้ว่าเรื่องราวของสัตว์กลุ่มนี้จะเป็นยังไงต่อ

    เล่ม2ก็ทำให้เราส่งแรงเชียร์ ขอให้พวกเขาอยู่ในยุคโหดร้ายนี้อย่างปลอดภัยด้วยเถอะ

    (แน่นอนว่าเล่ม2จบดีนะ บีบหัวใจไปหน่อยแต่ก็ทิ้งท้ายไว้ด้วยความหวังใหม่)

    *คำเตือน* ข้างล่างนี้มีสปอย์เล็กน้อย

    เราชอบครอบครัวของนายเอก-พระเอกมากกๆเลย!

    ที่บอกว่าเล่ม1น่าเบื่อ ก็เพราะว่า นายเอก-พระเอกยังเป็นทารกไปถึงอนุบาลกันอยู่เลย เรื่องราวจะเน้นไปที่การเอาชีวิตรอดของคู่พ่อๆ เด็กวัยรุ่น2คนที่กลายเป็นพ่อคน พยายามเต็มที่เพื่อจะเลี้ยงลูกออกมาให้แข็งแรงปลอดภัย ซึ่งเราขัดใจนิดหน่อยคือ นักเขียนคงอยากจะตั้งชื่อแปลกๆให้เป็นเอกลักษณ์หรือยังไงไม่รู้ ตั้งชื่อพ่อๆว่า ไป๋(สีขาว)กับแบล็ก(สีดำ) จะอังกฤษหรือจีนก็เลือกสักภาษาเถอะ อ่านแล้วขัดใจชะมัด

    ส่วนจุดที่น่าสนในก็คือช่วงท้ายเล่มพวกเขาอพยพเพราะภัยธรรมชาติแต่ก็ได้มาเจอหมู่บ้านที่ร่วมหลายเผ่าเอาไว้ แต่เผ่าพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นสัตว์กินพืช หรือสัตว์กินเนื้อขนาดเล็ก ที่มองว่าไดโนเสาร์เป็นสัตว์ประหลาด แต่ครอบครัวตัวเอกก็เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านนี้ด้วยความเข้าใจผิด ใต้ความเข้าใจผิดนี้พวกเขาใช่ชีวิตอย่างสงบสุขกับเพื่อนบ้าน และเด็กๆก็โตขึ้นมาทั้งแบบนี้เอง (อ่านแล้วรู้สึกว่าโบ๊ะบ๊ะกันไปหมด ทั้งที่ก็ไม่ค่อยมีอะไร แต่ก็อยากรู้ว่าครอบครัวนี้จะเป็นยังไงต่อ)

    ส่วนเล่ม2เด็กๆโตขึ้นมาแล้ว พระเอกนั้นยังเป็นลูกสัตว์(ดูเหมือนจะยังไม่มีความทรงจำเดิม แต่ก็เก่งกว่าเด็กตัวอื่น) ส่วนนายเอกที่เป็นมนุษย์ก็โตราวๆประถมแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องราวถึงมีเรื่องลูกเล่นเพิ่มขึ้นมาก ทั้งการติดต่อกับเผ่าอื่น ซื้อของ-ขายของ เป็นศัตรูกับเผ่าอื่น

    ส่วนความรักของครอบครัวก็พาใจฟูอีกแล้ว พัฒนาจากเล่ม1มากๆ เพราะตอนแรกนายเอกเป็นมนุษย์ เกิดใหม่แล้วรู้สึกปรับตัวไม่ได้ แต่เล่มนี้เขาเข้ากับเด็กๆตัวอื่นได้ดีเชียวล่ะ โดนรอบข้างหล่อหลอมมาหลายปี ฟังภาษาสัตว์เข้าใจ กลายเป็นหัวหน้าแก๊งค์เด็ก แถมเขายังรักพ่อๆมากอีกด้วย

    พอทุกอย่างเหมือนจะราบรื่นดี ก็ทิ้งท้ายไว้ได้น่าสนใจแบบสุดๆด้วยภัยธรรมชาติที่มาเยือนอีกครั้ง

    ธีมของเรื่องนี้ก็คือแนวโลกล้านปี ซึ่งก็ไม่ปรานีใครทั้งนั้นต่อให้ไดโนเสาร์ที่แข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ต้องแพ้ให้กับภัยธรรมชาติ แต่แน่นอนว่ารอบด้านอาจจะอันตรายพวกเขาไม่ได้ยอมแพ้ ใช่ชีวิตตามสัญชาตญาณ บริสุทธิ์ไร้เดียงสา สร้างเรื่องราวที่มีชีวิตชีวาและบีบใจไปได้ในเวลาเดียวกัน

    ปล.ยุคน้ำแข็งหรือต้องเรียกว่ายุคไดโนเสาร์รึเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอยู่เยอะเหมือนกัน มีสัตว์แปลกๆที่เฉพาะนิยายด้วย สรุปคือแม้จะเอายุคโลกล้านปีมาเป็นฐานแต่ก็เติมความเป็นตัวเองเข้ามาเต็มที่นั้นแหละ

    ปล.2 ใช้อีโมจิน่ารักๆเยอะมาก เป็นเอกลักษณ์ของเรื่องนี้เลย ใครไม่ชอบอาจจะไม่อิน แต่เรารู้สึกว่ามันน่ารักดีนะ เขาใช่ได้ถูกจังหวะเวลาตกมุกอ่ะ

Ad Code

Responsive Advertisement