(สปอย์) สวรรค์ประทานพร เล่ม6

 [คำเตือน]


เนื้อหาโพสนี้คือการ สปอย์  ถ้าต้องการอ่านรีวิว *กด*

ต้องการอ่านสปอย์ เลื่อนลงได้เลย ♥


    (สปอย์) สวรรค์ประทานพร เล่ม6

    ต่อจากเล่ม5 หลังจากดูอดีตของเทพฉีอิงกับทูตเมฆาเสร็จ เซี่ยเหลียนและฮวาเฉิงก็พลันได้ยินเสียงคนคุยกันที่พนังอีกด้านหนึ่ง คนผู้นี้เสียงเหมือนอดีตราชครูของเขามาก เซี่ยเหลียนสันนิษฐานเรื่องน่ากลัวขึ้นมาได้ เทพรัชทายาทของอูยงมีเทพผู้น้อยติดตาม4คน ตัวเขาเองก็มีราชครู4คน บรรพตถงหลูเองหากมองด้วยตาจะมีภูเขาภูติ3ลูก แต่ความจริงแล้วมันมี4ลูกตามวัฏจักรเกิด,แก่,เจ็บ,ตายต่างหาก

    ราชครูของเขาอาจจะเป็นเขาภูตแห่งบรรพตถงหลูแปลงกายมา แล้วพวกเขามีจุดประสงค์อะไร แล้วพวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกับแคว้นโบราณที่ล้มสลายไปแล้วกันแน่ และสิ่งที่เซี่ยเหลียนได้จากการแอบฟังครั้งนี้คือความสับสนและหวาดกลัวขึ้นมาว่าตนคือร่างที่กลับชาติมาเกินใหม่ของรัชทายาทแคว้นอูยงรึเปล่า แต่ฮวาเฉิงก็ยืนยันกับเขาว่า ท่านก็คือท่าน ไม่ใช่ใครที่ไหน

    แม้เซี่ยเหลียนจะลนลานมาก แต่ฮวาเฉิงยังยืนยันคำพูดเดิม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขายืนอยู่ข้างๆอีกฝ่ายตลอดไป

    หลังจากนี้คนอื่นๆก็มารวมตัวกันตรงจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่ เดินทางต่อไปกันจนถึงเมืองหลวงแคว้นอูยง พวกเขาก็ลงจากภูเขา ไปตามหาแหล่งน้ำและวิหารเทพ โดยที่ระหว่างทางฮวาเฉิงขอร้องให้เซี่ยเหลียนระวังตนเอง ถึงแม้ร่างเทพนี้จะไม่ตายแต่ใช่ว่าเจ็บไม่เป็น ขอให้เขาดูแลรักษาตนเองมากกว่านี้หน่อย

    เซี่ยเหลียนได้ยินแล้วซึ้งใจและสงสัยขึ้นว่าก่อนหน้านี้เฮวาเฉิงโกรธที่ตนจับของอันตรายโดยไม่ใส่ใจตัวเองงั้นหรือ

    เมืองด้านล่างเถ้าภูเขาไฟ พวกเขาพบเครื่องรางคุ้มกายที่เป็นตัวแทนของเทพรัชทายาทอูยง เซี่ยเหลียนรู้สึกไม่ดีอีกแล้ว เพราะเขาได้รู้ว่าตนเองกับรัชทายาทองค์นั้นเกิดวันเดียวกัน!

    ต่อมาพวกเขาพบวิหารเทพ ภาพสลักในนั้นคือรัชทายาทอูยงนำนิมิตของตนมาปรึกษาเจ้าแคว้นและขุนนาง เดิมทีพวกเขาจะไปตีเมืองข้างเคียงเพื่ออพยพคนหนีภัยธรรมชาติ แต่รัชทายาทไม่เห็นด้วย และนำผู้คนติดตามขึ้นสวรรค์ไป ฮวาเฉิงดูภาพสลักสีหน้าเรียบเฉย แม่ทัพเผยเหยียดหยามวิธีนี้ ส่วนเซี่ยเหลียนยิ่งรู้สึกว่าเรื่องที่ตนเป็นรัชทายาทอูยงกลับชาติมาเกิดยิ่งเขาเค้า เพราะเขาเห็นด้วยกันวิธีนี้อยู่ในใจ เขาอยากรู้เหลือเกินว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อ

    ระหว่างที่คุยกันอยู่ในวิหารเทพ เวลาก็ผ่านไปพักหนึ่งแล้ว แต่ทูตเมฆาที่ออกไปหาน้ำก็ยังไม่กลับมา เซี่ยเหลียนฮวาเฉิงจึงออกไปตามหา ทิ้งรั่วเหยียให้คุ้มกันคนที่เหลือ ขณะที่ตามหาอยู่พวกเขาพบเรื่องแปลกประหลาดเซี่ยเหลียนยิ่งปักใจเชื่อทฤษฎีของตน ส่วนฮวาเฉิงพยายามเรียกสติเขา เพราะรู้สึกว่าเซี่ยเหลียนกำลังหลอกตัวเองให้เชื่อฝังใจอยู่

    นี่ไม่ใช่เพราะเซี่ยเหลียนเป็นใครกลับชาติมาเกิด จนฟังภาษาอูยงได้ แต่เป็นเพราะถูกฝังการชี้นำทางจิตประเภทหนึ่ง ผู้ที่จะทำได้ต้องเป็นคนที่เขาเชื่อใจและหวาดกลัวในขณะเดียวกัน ผู้เข้าข่ายมี3คน ราชครู จวินอู๋ ไป๋อู๋เซี่ยง ส่วนคนที่4เซี่ยเหลียนเชื่อใจเขาอย่างมาก มากอย่างไม่เคยตั้งคำถาม แต่ไม่เข้าเค้าเพราะเซี่ยเหลียนไม่เคยหวาดกลัวคนๆนี้ ยังไม่ทันได้บอกว่าเป็นใคร ฮวาเฉิงก็มีปฏิกิริยาประหลาดออกมาเสียแล้ว ฮวาเฉิงดูต่อต้านคนที่4อย่างประหลาด สุดท้ายเซี่ยเหลียนเลยไม่ได้บอกว่าคือใคร

    ขณะพูดคุยก็มีผีและคนเดินผ่านมา เป็นเซวียนจี(ผีแม่ทัพสาว)กับกู่จือ(ลูกชายของเจ้าของร่างที่ชีหรงสิง) พวกเขาจึงตามถึงฐานที่มั่นของอีกฝ่าย ทูตเมฆาก็ถูกจับอยู่ที่นี่เช่นกัน แน่นอนว่าพวกเขาจัดการชีหรงและปล่อยชาวนากับทูตเมฆาออกมาได้ แต่ถึงจะใช่เวลาไม่นาน เซวียนจี(ผีแม่ทัพสาว)ก็พุ่งตรงไปยังวิหารเทพที่แม่ทัพเผยกำลังพักผ่อนแล้ว

    ขณะที่เซี่ยเหลียนเร่งฝีเท้ากลับ ฮวาเฉิงกลับหยุดเขาไว้ เดี๋ยวก็มีคนออกหน้าแทนแล้ว พวกเรามาชมความสนุกกันดีกว่า กระทั่งของกินเล่นก็ควักออกมาให้ ด้านเซวียนจี(ผีแม่ทัพสาว) นางทุบไหที่ขังหรงก่วง(มารดาบไว/ผีรองแม่ทัพที่สิงอยู่ในดาบ) แล้วช่วยกันรุมแม่ทัพเผยจนได้เลือด ขณะที่คิดว่าตนสยบเขาได้แล้ว เซวียนจีก็หันไปเห็นเผยซิ่วที่สลบอยู่(จากความเหนื่อยล้าของร่างมนุษย์เพราะร่างเทพโดนผนึก) เซวียนจีจึงคิดจะเข้าไปจัดการ

    ป้านเยว่เข้ามาขัดขวางไว้ทันที เซวียนจีคิดไม่ถึงว่าสาวน้อยที่ดูบอบบางปลิวลมคนนี้จะเป็นผีขั้นสูงกว่านางซะอีก แน่นอนว่านางและหรงก่วงแซะด่าแม่ทัพเผยอย่างหนัก ว่าผ่านไปกี่ปีก็มีดวงเรื่องผู้หญิงเหมือนเดิม

    แม่ทัพเผยพูดไม่ออก นี่เรียกให้เขาแบกหม้อดำผิดใบแล้ว เด็กนี่คือลูกสะใภ้ตัวน้อยของเขาต่างหาก แม่ทัพเผยโดนกระบี่ชักเข้าๆออกๆอยู่5-6รอบจนทรุดกระอักเลือด ในที่สุดผู้ช่วยชีวิตก็เข้ามาหยุดสถานการณ์ เป็นเจ้าพิรุณ องค์หญิง16 อดีตผู้ครองแคว้นอวี่ซือ แคว้นที่เซวียนจีทรยศ และเป็นแคว้นที่แม่ทัพเผยตีแตกจนสิ้นชาติ

    หากสรุปเหตุการณ์ระหว่าแม่ทัพเผยและเทพพิรุณโดนสั้นแล้วล่ะก็ ครานั้นที่ทำศึกมาถึงหน้าวังหลวง แม่ทัพเผยทำตามอุบายของหรงก่วง นำนักโทษประหารมาปลอมตัวเป็นประชาชน บีบให้เจ้าแคว้นเชือดคอตนเอง หาไม่แล้วเขาจะประหารคนกลุ่มนี้ซะ แต่ถ้ายอมทำตาม เขาจะปล่อยประชาชนและราชวงค์ไป

    ภายในราชวงค์วุ่นวายขึ้นมาทันที ตัวเจ้าครองแคว้นนั้นไม่ยอมอยู่แล้ว ส่วนพี่น้องลูกหลานทั้งหลาย เวลาปกติมีแต่คนแย่งบัลลังก์กันแทบตาย เวลานี้กลับกดดันให้เจ้าครองแคว้นออกไปตายเป็นคนแรก แต่เทพพิรุณที่เป็นองค์หญิง16ในเวลานั้น เป็นเพียงองค์หญิงนอกสายตาสำหรับทุกคน ขอรับหน้าที่เจ้าครองแคว้น และออกไปเชือดคอของตนเองท่ามกลางความตะลึงของทุกคน

    หรงก่วงที่เป็นคนว่างแผนรับไม่ได้กับการหาผีมาตายแทนแบบนี้มาก ให้องค์หญิงที่ไม่มีตัวตนรับการแต่งตั้งแล้วออกมาทำให้จบๆเนี่ยนะ ท่ามกลางการคัดคาดของเขา แม่ทัพเผยทำตามที่ประกาศไว้ ไม่แตะต้องราชวงค์คนอื่น

    ทหารแคว้นซวีหลีเองก็ยังทนดูไม่ได้ด้วยซ้ำ จนใจที่นางปาดคอลึกเกินไปแม้ยังไม่ตายทันทีแต่ก็หมดหนทางช่วยชีวิตแล้ว แม่ทัพเผยพันแผลที่คอของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ก่อนนำตัวไปไว้ที่วิหารเทพอวี่ซือ รอเวลาให้เจ้าแคว้นหมดลมอย่างสงบ

    คืนนั้น สายฟ้าผ่าลงมา เจ้าแคว้นคนใหม่บรรลุขึ้นสวรรค์ไป

    เจ้าพิรุณพาทุกคนขึ้นวัวดำแล้วพาไปส่งที่ตีนภูเขา ทันใดนั้นเองพวกเขาก็ถูกปีศาจหนูมาล้อมไว้ เจ้าพิรุณและแม่ทัพเผยล่อพวกมันไปอีกทาง เซี่ยเหลียนฮวาเฉิงเจอกับวิหารเทพอีกแห่ง ครั้งนี้เป็นรูปที่ประชาชนอูยงเป็นโรคหน้าคน เซี่ยเหลียนถูกเรื่องราวพวกนี้บีบคั้นจนจะสติแตกแล้ว ฮวาเฉิงกอดอีกฝ่ายอย่างพยายามเรียกสติ

    ภาพวาดบนผนังพวกนี้เป็นของทำมาใหม่ อาจจะทำเพื่อตั้งใจให้เซี่ยเหลียนเห็น หรืออาจจะทำลายภาพอื่นจนเซี่ยเหลียนได้เห็นไม่ครบ สุดท้ายแล้วไม่ว่าเหตุผลใด ก็ไม่สามารถตามสืบต่อได้ พวกเขาได้แต่เริ่มปีนภูเขา ขึ้นไปยังเตาหลอมทองแดง

    เมื่อขึ้นมาใกล้ถึงยอด พวกเขาก็เจอหนานเฟิงกำลังสู้กับฝูเหยา สู้กันดุเดือดจนเคลื่นหิมะถล่มลงมา เซี่ยเหลียนมัวแต่ช่วยทั้งคู่จนโดนหิมะพัดตกลงไปยังที่หนึ่ง เซี่ยเหลียนฟื้นขึ้นมาในถ้ำที่ใช้บำเพ็ญตน เขาหันไปถามฮวาเฉิงตามปกติ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายตอบไม่ได้ว่าที่นี่คือที่ไหน กับคนที่ออกไปสำรวจเมืองโบราณจนอ่านออกเขียนได้ เซี่ยเหลียนคิดว่าเขาจะรู้จักภูเขาดีอย่างดีเหมือนพลิกฝ่ามือซะอีก

    ระหว่างตามหาคน เซี่ยเหลียนก็ชื่นชมงานฝีมือ ที่แกะสลักรูปเคารพต่างๆไว้มากมาย มีตั้งแต่ฝีมือธรรมดาไปถึงระดับงดงาม แต่ทุกองค์กลับถูกคลุมหน้าเอาไว้ เซี่ยเหลียนอยากไปเปิดดูสักหน่อย แต่ฮวาเฉิงขวางไว้เขายกเหตุผลมาโน้มน้าว จนเซี่ยเหลียนเองก็รู้สึกผิดปกติ เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังวิตกกังวลอะไรอยู่ เขากลับมามองรูปแบบเสื้อผ้าของเทวรูปพวกนี้ไม่ใช่แบบอูยง แต่ดูหรูหรางดงามแบบเซียนเล่อ

    ขณะที่พวกเขากำลังหาทางออกกันอยู่ ฮวาเฉิงนำไปทางซ้าย แต่เซี่ยเหลียนยืนยันว่าตนได้ยินเสียงมาจากทางขวา เขาดื้อรั้นที่จะหาคนหายและวิ่งออกไป หลังผ่านเลี้ยวแยกซับซ้อนเซี่ยเหลียนก็มาถึงหลุมแห่งหนึ่ง เขาได้ยินเสียงเทพชั้นผู้น้อย2คนจากหลุม เซี่ยเหลียนมองเห็นไม่ชัด ตอนแรกเขาจะโยนไฟลงไปแต่โดนห้ามไว้ก่อน ความคิดแรกคือขอให้ฮวาเฉิงช่วย แต่อีกฝ่ายกลับไปได้ตามเขามา ยังดีที่มีผีเสื้อเงินเกาะไหล่เขาอยู่ตัวหนึ่ง เขาจึงให้เจ้าตัวน้องลงไปด้านล่างแทนไฟส่องทาง

    ข้างล่างคือเทพ2องค์ที่โดนใยแมงมุมพันจนเป็นดักแด้สีขาวอยู่ นอกจากหน้าตาฟกช้ำแล้วไม่บาดแผลอะไรอีก เซี่ยเหลียนส่งรั่วเหยียลงมาช่วย แต่หลังลงมาได้ครึ่งทางก็โดนใยพวกนี้พัวพันจนเขาตกลงมาข้างล่างด้วย แต่ที่น่าแปลกใจ คือใยพวกนี้รับตัวเขาไว้อย่างอ่อนโยน แม้จะพันตัวจับกุมไว้เข้าแต่ไม่ทำให้เจ็บแม้แต่น้อย

    ฝั่ง หนานเฟิง ฝูเหยากลับมาทะเลาะกันต่อ ต่างคนต่างขุดความแค้นเก่าเก็บออกมาพูด คนหนึ่งบอกว่าแม่ทัพของฝูเหยา(หมายถึงมู่ฉิง)เห็นแก่ตัวแค่ไหน เจ้านายเก่ายังทิ้งได้ ต่อให้ไม่ได้ฆ่าผีลูกกรอกแต่ที่อยากช่วยก็เพราะจะได้สร้างบุญคุณกับคนอื่นน่ะสิ ฝูเหยาเองก็ตอกกลับแบบไม่น้อยหน้า แม่ทัพของเจ้า(หมายถึงเฟิงซิ่น)ใช่ว่าจะดีเด่อะไร อ้างว่าภักดี แต่ได้เมียลืมเจ้านาย ลูกเมียสำคัญกว่าที่สุด

    เมื่ออารมณ์ขึ้นถึงขีดสุดแล้ว แม้แต่คำว่าแม่ทัพของข้า แม่ทัพของเจ้าก็ไม่ใช่อีก พวกเขาด่ากันฉอดๆ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่กันสองคน ว่าแล้วหันมามองเซี่ยเหลียน อีกฝ่ายก็หันหลังให้ บอกว่าไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ความจึงเปิดเผยออกว่าหนานเฟิงคือเฟิงซิ่น ฝูเหยาคือมู่ฉิง แน่นอนว่าพวกเขาทะเลาะกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนที่ฮวาเฉิงจะเข้ามาช่วย

    เมื่อเทพทั้ง2หลุดออกมาก็กลับร่างจริง และได้พบกับเทวรูปคลุมหน้ามากมาย มู่ฉิงคิดจะไปเปิดดูหน้าแต่ถูกฮวาเฉิงข่มขู่ เซี่ยเหลียนไกล่เกลี่ยจนพวกเขาดูเหมือนยอมถอย แต่ความจริงแล้วทันทีที่ฮวาเฉิงเดินนำออกไป มู่ฉิงและเฟิงซิ่นรีบพาตัวองค์ชายของตนวิ่งหนีทันที

    เมื่อพ้นระยะออกมา มู่ฉิงก็พูดย้อนไปถึงลูกปัดจากต่างหู ที่เซี่ยเหลียนทำหายในวันบูชาเทพ เขาเคยตามหามันนานถึง1ปีไม่มีทางจำผิด ลูกปัดที่หายไปเขาเห็นฮวาเฉิงใช่ผูกผมอยู่ เซี่ยเหลียนยังรู้สึกว่าเขาน่าจะจำผิดแล้ว ฮวาเฉิงจะเอาของไปทำไม ถ้าเขาอยากได้คงหาอันที่ดีกว่าได้ไม่ยาก แต่มู่ฉิงก็ตอกย้ำความจริงโดยการดึงผ้าปิดหน้าของเทวรูปลง ใบหน้านั้นคือเซี่ยเหลียนไม่ผิดแน่นอน กว่าหมื่นเทวรูปทั้งหมดก็คือเขา

    จากนั้นพวกเขาก็เดินลึกเข้าไปในถ้ำเจอเข้ากับภาพวาดบนผนังที่วาดเรื่องราวต่างๆไว้ ตั้งแต่วันที่เด็กคนหนึ่งร่วงลงมาจากกำแพงเมืองแล้วองค์รัชทายาทเข้ามารับไว้ทัน เด็กคนเดิมเข้ามาเป็นทหาร เด็กคนเดิมที่กราบไหว้บูชาองค์รัชทายาทที่วิหารเทพ หรือแม้แต่เรื่องเล็กน้อยๆที่มีเซี่ยเหลียนอยู่ ต่างก็ถูกบันทึกลงผนังทั้งสิ้น

    มู่ฉิงเฟิงซิ่นเดินลึกเข้าไป ไม่รู้เห็นอะไรเข้า พวกเขาด่าฮวาเฉิงเสียยกใหญ่และไม่ยอมให้เซี่ยเหลียนเดินเข้าไปดูเด็ดขาด ฮวาเฉิงตามมาแล้ว สองคนที่ไม่ถูกกันมาตลอดกลับร่วมมือกันเป็นอย่างดี พร้อมกันนั้นยังติดยันต์ฟังคำสั่งที่หลังของเซี่ยเหลียน ทำให้ดูราวกับว่าเขาเต็มใจไปกับเทพทั้ง2ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่เลย เซี่ยเหลียนร้อนใจมากแต่ก็ไม่สามารถอธิบายกับอีกฝ่ายได้ ยังดีที่สุดท้ายแล้วฮวาเฉิงชนะและพาตัวเซี่ยเหลียนไปในที่สุด

    กลางสายตาที่หวาดผวาของเทพทั้งสอง ถ้าเขาไม่ได้รู้จักฮวาเฉิงดี เซี่ยเหลียนคงคิดว่าตัวเองจะโดนพาไปฆ่าเสียแล้ว เซี่ยเหลียนถูกพามาที่เตียงหินแล้วเริ่มทำแผลฟกช้ำต่างๆที่เขาไม่เคยสนใจ ตอนนี้ฮวาเฉิงดูหลบหน้าหลบตาเสียจนดูต่ำต่อย เมื่อวางเขาแล้วก็ไม่กล้าสัมผัสตัวเขาอีก ดูเหมือนจะคิดมากกับคำด่าของ2เทพไม่น้อย

    ก่อนที่จะได้ปรับความเข้าใจ 2เทพก็ตามมา แต่ละคำพูดช่างบาดหู ชวนให้เข้าใจผิดและแตกหักกันไปข้าง แต่เซี่ยเหลียนเชื่อใจฮวาเฉิง จนเขาได้รู้ว่า2เทพที่เห็นครั้งนี้เป็นราชาผีไป๋อู๋เซี่ยงปลอมตัวมา ผีเสื้อเงินของฮวาเฉิงหมื่นตัวตายในครั้งเดียว พวกเขา2คนหนีออกมาตั้งหลัก

    ก่อนที่พวกเขาจะไปปลดปล่อย2เทพตัวจริงจากดักแด้ เซี่ยเหลียนก็ถามฮวาเฉิงว่าผู้สูงศักดิ์ที่เขาชอบนั้นคือใคร พวกเขาเคลียร์ใจกันและกันก่อนจะเตรียมตัวสำหรับศึกสุดท้าย พวกเขากอดกันแน่น นับได้ว่าหัวใจเชื่อมกันแล้ว

    น่าเสียดาย อะไรๆก็ผิดแผนและเกินคาดได้เมื่อเจอไป๋อู๋เซี่ยง หลังจากส่ง2เทพออกไปเพื่อแจ้งข่าวว่าพบไป๋อู๋เซี่ยงกับ จวินอู๋ ไป๋อู๋เซี่ยงก็เผยตัวออกมาว่าตนเป็นปรสิตแฝงตัวอยู่ในวิญญาณของหลางอิ๋ง เด็กผีแซ่หลางคนนั้นคือผู้เหลือรอดที่หมายจะล้างแค้นเซี่ยเหลียน เมื่อเจอกับราชาผีเขาจึงยอมยกร่างกายให้ไป๋อู๋เซี่ยงโดยดี

    เซี่ยเหลียนและฮวาเชิงคิดจะไปเผชิญหน้ากับไป๋อู๋เซี่ยงด้วยกัน แต่เมื่อเข้าเตาหลอมมาแล้ว กลับมีเพียงเซี่ยเหลียนที่ต้องเผชิญหน้ากับไป๋อู๋เซี่ยงเพียงลำพัง

    ไป๋อู๋เซี่ยงกล่าวคำพูดไม่น่าฟังมากมาย ถ้าเขาไม่เชื่อใจฮวาเฉิงคงได้แตกหักกับอีกฝ่ายแน่นอน อดีตที่ขมขื่นตามหลอกหลอนอีกครั้ง ไม่ต่างกับเมื่อก่อนที่ไป๋อู๋เซี่ยงเป็นดั่งมารที่เซี่ยเหลียนหวาดกลัว ไม่เคยรับมือได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ความหวาดกลัวผ่าให้คุ้มคลั่ง กับหน้ากากสุขสันต์รันทดที่ครอบทับมาบนใบหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง

    (ภาค อาภรณ์ขาวผลาญปฐพี)

    ย้อนกลับไป ถึงเรื่องราวครั้งเซี่ยเหลียนถูกเนรเทศครั้งที่1 หลังเซียนเล่อสิ้นชาติแล้ว เซี่ยเหลียนถูกใส่ตรวนคำสาป ร่างกายไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา ต้องออกไปหางานทำ ตั้งแต่งานฝีมืองานใช่แรง และห้ามให้ใครเห็นหน้าด้วย เพราะเขาคือเทพที่ถูกผู้คนสาปส่ง ยังดีที่มีเฟิงซิ่นมู่ฉิงอยู่เป็นเพื่อน

    วันเซี่ยเหลียนพบว่าเทวรูปของตนถูกคนเหยียบย่ำตั้งใจทำลาย คนกล่าวกันว่าหากเยียบเทวรูปของเทพโรคระบาดแล้ว โรคร้ายจะไม่เข้าใกล้ แน่นอนว่าเขาทนไม่ไหวเขาไปต่อยตีกับผู้คนยกหนึ่ง จากนั้นมู่ฉิงก็ขอแยกตัวจากไป บทจะไปก็ไปง่ายๆ เฟิงซิ่นด่าเขายกใหญ่แล้วสัญญาว่าตนเองจะไม่ไปไหนแน่นอน การจากไปของสหายสนิทสร้างความสะเทือนใจให้เซี่ยเหลียนใหญ่หลวง

    วันจงหยวน(วันปล่อยผี) เทศกาลลอยโคม มีนักพรตที่จับวิญญาณของทหารกล้ามาใส่ไว้ในโคม เซี่ยเหลียนจึงซื้อมาแล้วปลดปล่อยดวงวิญญาณของพวกเขา แต่แล้วกลับมีดวงหนึ่งไม่ยอมไป ทั้งยังแข็งแกร่งไม่น้อยขนาดพูดคุยกับเขาได้ ไฟผีดวงนี้รู้ว่าเขาคือรัชทายาท

    ไฟดวงน้อยกล่าวว่ามันยินยอมไม่ไปสู่สุขติตลอดกาล เพื่อความปรารถนาอยากปกป้องคนๆนั้น เซี่ยเหลียนได้ยินแล้วประทับใจและเสียใจอยู่บ้าง การรบที่ผ่านมาพรากชีวิตของเจ้าตัวจากคนที่รักไปตลอดกาลเสียแล้ว แต่เขากลับต้องตะลึงกว่าเดิมเมื่อไฟดวงน้อยตอบเขาว่า รบเพื่อท่านถือเป็นเกียรติสูงสุดสำหรับชีวิตของข้า

    และยังยืนยันว่าจะเป็นสาวกของเขาตลอดไป ความจริงใจที่บริสุทธิ์แบบนี้ทำให้ขอบตาเซี่ยเหลียนร้อนผ่าว สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวเล่าเรื่องที่เจอให้ไฟดวงน้อยฟังอย่างกลั้นสะอื้น ผู้คนบอกว่าการนับถือเขาแล้วจะต้องซวย หรือแม้แต่เพื่อนสนิทก็จากไปแล้ว

    แม้วิญญาณนิรนามจะกล่าวปฏิญาณ แต่เซี่ยเหลียนไม่เชื่อ

    เขาไม่เชื่อใครอีกแล้ว แม้แต่ตนเองก็เช่นกัน

    เซี่ยเหลียนและเฟิ่งซินยังพาเจ้าแคว้นและฮ่องเฮาหนีทหารหย่งอันอย่างต่อเนื่อง แต่เขากลับพบว่าเจ้าแคว้นป่วย ขณะที่ถูกไล่ล่าแบบนี้พวกเขาไม่สามารถไปโรงหมอได้ และไม่มีเงินด้วย เซี่ยเหลียนจึงคิดจะปล้นคนรวยช่วยคนจน เขาให้เฟิ่งซินรั้งอยู่ ส่วนตัวเองออกไปโดยไม่ได้อธิบาย แน่นอนว่ารัชทายาทผู้สูงส่งอย่างเขาจะทำเป็นได้ยังไง โดนจับได้ไม่พอยังรู้ไปถึงเทพคนอื่น บางทีอาจจะโดนประกาศจับไปทั่วเมือง แล้วกับเฟิ่งซินเขาจะอธิบายยังไงอีก แม้แต่สวรรค์ชั้นบนก็ต้องหัวเราะเขากันทั่วแล้วแน่

    กลางความสับสนหวาดกลัว เขาออกไปหาที่สงบสติจนมาถึงสุสานแห่งหนึ่ง กลางอากาศหนาวเย็นเยียบ เขาเอาสุราเยี่ยมคนตายมากิน ไฟวิญญาณดวงน้อยลอยเข้ามาหาเขา ท่าทางเป็นห่วง แต่มันก็ทำได้แค่ลอยไปมาอย่างเศร้าใจ กลางความเมามายเขาได้เสียงที่ขาดๆหายๆ ร้องอย่างร้อนใจว่าท่านเทพ ได้โปรดรอข้า ให้เวลาข้าอีกนิด...

    เซี่ยเหลียนเริ่มฝึกบำเพ็ญอีกครั้งกลางกำลังใจของเฟิงซิ่น แต่ตอนนี้เหล่าเทพ33องค์ตั้งใจมาหาเรื่องดูหมิ่นเขา และมู่ฉิงเองเพื่อเอาหน้ากับผู้อื่นจึงลงมือกับเขาเช่นกัน ต่อให้เป็นเพียงการขู่ แต่การที่สหายสนิทถืออาวุธอยู่ตรงข้ามกัน ก็เกินที่เซี่ยเหลียนจะทนไหวแล้ว ยังมีคนลงมีกลั่นแกล้งเขาขณะที่ไม่ระวังอีก ทั้งที่เป็นแบบนี้มู่ฉิงก็ไม่ยื่นมือเข่ามาช่วยแม้แต่น้อย เซี่ยเหลียนได้แต่กล่ำกลืนความอัปยศแล้วจากไป

    ขณะขากลับเขาเจอไป๋อู๋เซี่ยงอีกครั้ง ความหวาดกลัวและความรู้สึกขนลุกแล่นริ้วขึ้นมา อีกฝ่ายหนึ่งมาล่อลวงให้เขาไปเป็นพรรคพวก แม้จะเผลอไผลคิดว่าสัมผัสมือและอ้อมกอดฝ่ายช่างอ่อนโยนไปบ้าง แต่เขาก็ปฏิเสธกลับไปด้วยความโกรธ เขาไม่มีทางลืมคนที่ทำลายแคว้นของตัวเองแน่นอน

    หลังไป๋อู๋เซี่ยงจากไปเซี่ยเหลียนก็กลับไปที่บ้าน พบมู่ฉิงเอาข้าวสารมาให้เพื่อขอโทษ แต่ขณะเดียวกันก็หลุดปากบอกเฟิงซิ่นเรื่องที่เซี่ยเหลียนดักปล้นคน เฟิ่งซินไม่เชื่อ แต่ความเชื่อใจที่แรงกล้าว่ารัชทายาทของตนจะไม่ทำเรื่องผิดบาปแบบนั้นสร้างความกดดันให้เซี่ยเหลียนอย่างที่สุด ตั้งแต่วันนั้นเซี่ยเหลียนก็ราวกับเสียสติไป

    เขาเห็นตนเองสวมหน้ากากสุขสันต์รัดทดของไป๋อู๋เซี่ยง หลายต่อหลายอย่างที่ทำให้ผู้คนคิดว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว ขณะเดียวกันเฟิงซิ่นก็ผิดแปลกไป เขากังขาสิ่งที่ตนพูดซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ เซี่ยเหลียนรับไม่ได้และกลายเป็นความโกรธ สุดท้ายเขาก็หนีออกจากบ้านมา คิดอยากจะสู้ตัดสินกับไป๋อู๋เซี่ยงให้รู้แล้วรู้รอด

    เขาวิ่งออกมาจนหลงเข้ามายังสถานที่หนึ่ง ไฟวิญญาณเข้ามาขวางเขาอีกครั้ง เซี่ยเหลียนที่ถูกกัดกล่อนจิตใจจากหลายเรื่องเมื่อเห็นว่าแม้ไปไฟวิญญาณกระจอกก็ไม่กลัวเขาแล้ว ยิ่งทำให้เขารับไม่ได้ถึงขีดสุด ไฟดวงนั้นดูเหมือนจะรับรู้ถึงความอ่อนไหวของเขาได้ สุดท้ายก็ล่าถอยไป

    เซี่ยเหลียนข้ามกำแพง ที่นี่คือศาลเจ้าของเขานั้นเอง สภาพดูไม่ได้จากการถูกทุบทำลาย เขาเข้ามารอด้านใน แล้วก็มีคนใหม่เข้ามาเรื่อยๆ และคนสุดท้ายคือคนที่เป็นโรคหน้าคน เซี่ยเหลียนสู้เพื่อปกป้องคนอื่นๆและในที่สุดเขาก็ได้เจอกับไป๋อู๋เซี่ยง

    อีกฝ่ายยังชักชวนให้เขาไปเป็นพรรคพวกผีด้วยกัน พร้อมกับถ่อยคำเสียดแทงใจต่างๆ สุดท้ายเซี่ยเหลียนก็ถูกตีจนสลบ เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบ ไฟวิญญาณดวงน้อย ดูเหมือนจะเป็นดวงเดียวกันกับที่ห้ามเขาเข้ามา ขณะคิดจะเอื่อมมือไปจับ เขาก็พบว่าตนเองโดนมัดอยู่บนแท่นบูชา ผู้คนมากมายเบิกตามองเขาอย่างน่ากลัว



Ad Code

Responsive Advertisement