(สปอย์) ข้ามเวลามาเป็นผู้ชายของเขา เล่ม4 (จบ)

 [คำเตือน]


เนื้อหาโพสนี้คือการ สปอย์  ถ้าต้องการอ่านรีวิว *กด*

ต้องการอ่านสปอย์ เลื่อนลงได้เลย ♥

    (สปอย์) ข้ามเวลามาเป็นผู้ชายของเขา เล่ม4(จบ)

    ต่อจากท้ายเล่ม3 เหลยเซี่ยงจื้อ(น้องห้าของพระเอก)นำทางหลี่กงกงขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ มายังหมู่บ้านซิงซานเพื่อประกาศราชโองการ คนทั้งหมู่บ้านต่างตะลึงเมื่อพบว่าเหลยเถี่ย(พระเอก)เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ วันนี้เขาได้รับแต่งตั้งกลับสู่ตำแหน่งแม่ทัพเจิ้นกว๋อ นำสามเหล่าทัพ และแต่งตั้งพิเศษเป็นเจิ้นกว๋อกง(ตำแหน่งรองอ๋อง ยศสูงสุดของขุนนาง)และได้รับป้ายอาญาสิทธิ์ พร้อมเรียกตัวกลับเมืองหลวงพร้อมครอบครัว

    ฉินเหมี่ยน(นายเอก)ฟังก็รู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว อยู่ๆฮ่องเต้ก็นึกถึงเหลยเถี่ย(พระเอก)แบบนี้จะต้องมีอะไรแอบแฝงแน่นอน หลังส่งหลี่กงกงไปที่บ้านพักต่างอากาศ พวกเขาก็หารือกัน สำหรับเหลยเถี่ยขอเพียงมีภรรยาและลูกเรื่องอื่นเขาไม่สนใจ ส่วนฉินเหมี่ยนก็มองหาโอกาสดีๆในการไปเมืองหลวงครั้งนี้

    อย่างไรก็ต้องพาเด็กๆย้ายไปเมืองหลวงเมื่อโตขึ้น ครั้งนี้ก็เหมือนไปก่อนเวลาเท่านั้น เขาเชื่อว่าตนเองและสามีจะปกป้องครอบครัวได้แน่นอน พวกเขาจัดการทางบ้านสวนให้เรียบร้อย ว่ากันตามตรงแล้วพวกเขาอาวรณ์ที่นี่ไม่น้อย อย่างไรก็เป็นบ้านหลังแรกที่สร้างมากับมือ และครั้งนี้เข้าเมืองหลวงย่อมไม่สามารถพาแต้มขาว(หมาป่า)และขนทอง(หมี)ไปด้วยได้ จำใจต้องทิ้งไว้

    มาถึงเมืองหลวงเข้าจวนแต่งตัวใหม่แล้วเข้าวัง หลี่กงกงรายงานสิ่งที่เห็นให้ฮ่องเต้ทราบ ก่อนพาครอบครัวเหลยเถี่ย(พระเอก)เข้าเฝ้า ผู้ใหญ่ทั้งคู่ถูกทดสอบจิตใจเล็กน้อย ส่วนเด็กสองคนที่มีความไร้เดียงสา ดึงดูดใจฮ่องเต้ได้อยู่หมัด อย่างน้อยเข้าเฝ้าวันนี้ก็ผ่านไปด้วยดี

    กลับจวนเจิ้นกว๋อกง ฉินเหมี่ยน(นายเอก)เริ่มเดินเล่นกับสามี ออกแบบการตกแต่งจวนใหม่อีกครั้งแล้ว ไม่นานฉินเหมี่ยน(นายเอก)ก็ถูกแต่งตั้งเป็นฮูหยินตราตั้งระดับขั้น1 หลังจากนั้นเขาก็เริ่มยุ่งอยู่หลายวัน กับการซื้อคนเข้ามาดูแลบ้าน และคนเลือกเด็กรับใช้ให้ลูกชายทั้ง2คน เด็กรับใช้กลุ่มนี้ต่อไปจะเติบโตไปพร้อมกับลูกชายของเขา ดังนั้นนอกจากให้ฝึกวิทยายุทธและเรียนหนังสือไปพร้อมกันแล้ว เหลยเถี่ย(พระเอก)ยังฝั่งคำสั่งลงไปในสมองด้วยพลังเซียน หากทรยศพลังกลุ่มนั้นก็จะทำให้คนหลับไปตลอดกาล

    หลังเลือกสถานศึกษาได้แล้ว พวกเขาก็พาเด็กๆไปพบผู้อาวุโส หลังผ่านการทดสอบความรู้เล็กๆน้อยๆแล้ว ผู้อาวุโส ย่อมชอบเด็กทั้งสองมาก และรับทั้งคู่เข้าเรียน ฉินเหมี่ยน(นายเอก)กังวลหลายเรื่องไม่น้อย เมืองหลวงต่างจากหมูบ้านซิงซาน ที่นั้นเป็นอาณาเขตของพวกเขาเอง ใครจะพูดอะไรก็ต้องดูสีหน้าของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ

    เด็กๆไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่กังวลนัก แต่เหลยเถี่ย(พระเอก)ก็อธิบายอย่างใจเย็น และความเข้มแข็งสดใสของเด็กๆก็ทำให้ฉินเหมี่ยน(นายเอก)วางใจลงได้บ้าง ดูเหมือนเด็กๆจะเก่งกาจกว่าที่เขาคิดเสียอีก

    วันต่อมาหลังส่งสามีไปประชุมเช้า และเด็กๆไปเข้าเรียน ฉินเหมี่ยน(นายเอก)ก็เตรียมพร้อมไปเยี่ยมมู่จวิ้นอ๋อง เมื่อสามีกลับมาพวกเขาก็ออกเดินทางพร้อมกัน มู่จวิ้นอ๋องหรือเฉินมู่เฟิงคือผู้ที่ช่วยส่งคนมาเตรียมจวนให้พวกเขาตอนเข้าเมืองหลวง และเป็นสหายที่เคยเจอกันที่อำเภอจ้าวหยาง(สหายของเนี่ยเหิง) เขาเป็นลูกชายของพระอนุชา(น้องชาย)ร่วมบิดามารดาเดียวกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

    มู่จวิ้นอ๋องพูดถึงความหลังเล็กน้อยพร้อมกล่าวเตือนอันตราย หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนไปคุยเล่นเรื่องอื่น

    หลังกลับถึงบ้านและกระทำเรื่องที่สามีภรรยาควรทำ ฉินเหมี่ยนก็เริ่มจัดการงาน ในเทียบเชิญมีคำเชิญขององค์หญิงอยู่ด้วย ฉินเหมี่ยน(นายเอก)ยิ้มเหี้ยมและตอบรับคำเชิญ และยังมีบ้านเก่าที่ส่งคนมาตามให้ไปพบ

    เหลยเถี่ย(พระเอก)มาพบบ้านเก่าที่ไม่ได้เจอกันมา3-4ปี แม่เลี้ยงของเขายังปากหวานก้นเปรี้ยวและช่างเพ้อฟันเหมือนเดิม แน่นอนว่าถูกท่านแม่ทัพจัดการให้เข้าคุก เรื่องในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเพราะเหลยเถี่ยตั้งใจทำให้คนอื่นเห็น และอีกส่วนก็ทำให้เหลยเซี่ยงจื้อ(น้องห้าของพระเอก)ได้เห็นสันดานแท้จริงของบิดามารดาตนเอง

    ตกเย็นเด็กๆกลับจากสถานศึกษา วางตัวว่าโตแล้วได้เวลาเปลี่ยนชื่อเรียกจากชื่อเล่นเป็นชื่อจริง และห้ามลูบหัวอีกด้วย ฉินเหมี่ยน(นายเอก)ถอนหายใจ เด็กๆโตแล้วไม่น่ารักแล้วด้วย

    วันต่อมาข่าวลือที่เหลยเถี่ย(พระเอก)ส่งแม่เลี้ยงเข้าคุกก็แพร่สะพัดเรียบร้อย แน่นอนว่าผู้ไม่หวังดีย่อมร้องเรียนเขา ผู้นำกลุ่มคือหลิวเทียนเต๋อ(องค์รักษ์ตรวจเมือง) คนกลุ่มนั้นถูกฮ่องเต้จำไว้ในใจ แน่นอนว่าไม่มีบทลงโทษอะไรทั้งสิ้น นอกจากที่เรื่องนี้กลายเรื่องขบขันของฮ่องเต้ไป

    ไทเฮาคิดว่าให้เหลยเถี่ย(พระเอก)คุม3เหล่าทัพนั้นมากเกินไปสักหน่อย คิดจะส่งหลานสาวไปแต่งงานด้วยแต่ฮ่องเต้ห้ามไว้ ขณะเดียวกันใต้เท้าหยางก็ส่งสาวงามมาที่จวน ฉินเหมี่ยน(นายเอก)บังขับพวกนางกินยาเสียโฉมที่ออกฤทธิ์ช้า ขณะเดียวกันก็ทำข้อตกลง ถ้าพวกนางจัดการหลับนอนกับใต้เท้าหยางได้ เขาจะมอบยาถอนพิษให้และมอบเงินให้ด้วย จากนั้นก็ส่งพวกนางกลับไปที่จวนใต้เท้าหยาง

    ข่าวนี้ก็ถึงหูฮ่องเต้เช่นกัน พระองค์มองเรื่องขบขันของขุนนางในที่ประชุมเช้าอย่างสดชื่นทีเดียว

    คนรับใช้ต่างก็ตัวสั่น ฮูหยินของพวกเขาร้ายกาจเหลือเกิน

    ถึงวันที่ฉินเหมี่ยน(นายเอก)ต้องเข้าวังไปพบไทเฮาและฮ่องเฮาซึ่งทุกอย่างออกมาเรียบร้อยดี และวันที่เขารอคอยก็มาถึง วันที่องค์หญิงเยี่ยนชิงเชิญเขาไปพบ เขาสืบเรื่องขององค์หญิงผู้นี้มาเรียบร้อยพร้อมแผนรับมือในใจ

    องค์หญิงมาถึงแล้ว นางไม่ปิดบังความชิงชังที่มีให้ฉินเหมี่ยนแม้แต่นิดเดียว แม่ทัพเหลยเทียนเริ่น(เหลยเถี่ย)ปฏิเสธนาง แต่กลับแต่งกับผู้ชายคนหนึ่ง นี่มันจะหยามกันเกินไปแล้ว

    ศึกครั้งนี้ เพียงฉินเหมี่ยนเอ่ยปาก องค์หญิงก็แพ้ราบคาบแล้ว ทั้งยังโต้ตอบไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว นางอัดอั้นตันใจจนเป็นลมไป ฉินเหมี่ยนสาสมใจ สำหรับเขาแล้วความเจ็บปวดจากการโดนวาจาทิ่มแทงไม่นับว่าเป็นอะไรเลย ปีนั้นเหลยเถี่ยของเขาโดนแม่เลี้ยงรังแก ต้องระหกระเหินลำบากยากเข็ญ ยังดีที่เจออาจารย์ฝึกให้เขารู้ถึงวิธีบำเพ็ญเพียรก่อนจากไป

    ในความโดดเดียวนั้นสุดท้ายเขาก็ไปเข้าร่วมกองทัพ แต่เมื่อได้ดีก็มีผู้หญิงมาทำลายชีวิตเขาอีกครั้ง ฐานะที่แตกต่างบีบคั้นให้เหลยเถี่ยต้องทำลายโฉมตัวเอง แล้วลาออกคืนยศขุนนางกลับบ้านเกิด การแก้แค้นเล็กๆครั้งนี้ไม่นับเป็นอะไรได้ ถ้านางยังไม่หยุดเขาก็ยังมีอีกสารพัดวิธี ในสายตาฉินเหมี่ยนฮ่องเต้กับไทเฮาก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร พวกเขารักตามใจองค์หญิง ถ้าไม่มีคนให้ท้ายนางจะเอาอะไรมากล้าขมขู่แม่ทัพคนหนึ่ง

    แม่ทัพที่รบชนะปกป้องประเทศควรได้รับสิ่งดีๆตอบแทน หรือการไม่ใช่วิธี ‘เสร็จศึกฆ่าแม่ทัพ’ ก็คือการตอบแทนของฮ่องเต้แล้ว แน่ล่ะว่าในสายตาฮ่องเต้ย่อมคิดว่าแต่งให้ราชวงค์คือการตอบแทนที่สูงส่ง และยังได้ควบคุมเหลยเถี่ยอีก

    ซึ่งความคิดฉินเหมี่ยนก็นับว่าเดาใจฮ่องเต้ได้ส่วนหนึ่ง สำหรับครั้งนี้พระองค์ไม่พอใจกับการกระทำของเขาที่กลั่นแกล้งองค์หญิงอยู่บ้าง แต่เวลานี้เป็นช่วงที่พระองค์ต้องการตัวแม่ทัพ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้เป็นเรื่องใหญ่จึงปล่อยไป

    ด้านค่ายทหารก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ แต่ก็ถือว่ายังเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไว้แล้ว แม้จะเคยเป็นแม่ทัพมาก่อน แม้จะเป็นคนที่ฮ่องเต้แต่งตั้ง แต่จากไป8ปี ย่อมต้องมีคนที่คิดว่าตนเหมาะสมกับตำแหน่งนั้นมากกว่า สิ่งที่เขาต้องทำก็คือปราพยศให้สิ้น

    ฉินเหมี่ยนเปิดร้านขายยาและร้านเครื่องเงิน ขณะเดียวกันแต้มขาว(หมาป่า)และขนทอง(หมี)ก็เดินทางพันหลี่มาหาคน อย่างไรพวกมันก็ไม่ใช่สัตว์ป่าธรรมดา เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็มากันจนถึงเมืองหลวงในที่สุด แต้มขาว(หมาป่า)ถึงจะเคยมาครั้งเดียวตอนเหลยเซี่ยงจื้อ(น้องห้าของพระเอก)สอบข้าราชการ แต่มันก็จำเรือนที่ครอบครัวมาพักได้ หยวนอันซื่อเมื่อเจอพวกมันก็พาไปที่จวนใหม่ของฉินเหมี่ยน

    ด้านฉินเหมี่ยนไม่อยู่บ้าน พวกเขาไปรับเด็กๆที่สถานศึกษา เมื่อกลับมาถึงก็พบว่าหลิวเทียนเต๋อ(องค์รักษ์ตรวจเมือง)ฉวยโอกาสร้างความวุ่นวาย ว่าแม่ทัพคนใหม่นำสัตว์อันตรายเข้าเมืองหลวง ไม่เห็นกฎเกณฑ์ในสายตา สร้างความอันตรายแก่ประชาชน ต้องฆ่าสัตว์พวกนั้นทิ้งซะ

    โชคดีที่พวกเขากลับมาทันและจัดการเคลียร์ปัญหาได้ แม้แต้มขาว(หมาป่า)และขนทอง(หมี)จะดูน่ากลัวแต่เมื่อชาวบ้านเห็นว่าพวกมันเชื่อฟังยิ่งกว่าสุนัข และระหว่างทางไม่มีคนบาดเจ็บจึงไม่เอาความ หลิวเทียนเต๋อเมื่อเอาผิดไม่ได้ก็จากไป เรื่องราวครั้งนี้อยู่ในสายตาของจางซุนเฮ่อน้องชายแท้ๆของฮ่องเฮา(คุณชายที่ล่าสัตว์ท้ายเล่ม1)

    วันต่อมาฮ่องเต้มีรับสั่งให้พาเด็กๆเข้าเฝ้าพร้อมแต้มขาว(หมาป่า)และขนทอง(หมี) ระหว่างสนทนากันอยู่จางซุนเฮ่อก็เข้าเฝ้าฮ่องเต้ เขามาดูสัตว์ทั้งสอง ตอนนี้เองที่ฉินเหมี่ยนจำคุณชายล่าสัตว์ ที่ทำให้เขาได้พบแต้มขาวอีกครั้งได้ จางซุนเฮ่อยังนำข่าวมาบอกด้วยว่าตู้ซื่อ(แม่เลี้ยง)ที่ถูกปล่อยตัวออกจากคุก ตอนนี้ถูกคนฆ่าตายแล้ว

    ครอบครัวฉินเหมี่ยนขอตัวกลับก่อน พวกเขาเปลี่ยนชุดไปเคารพศพและกลับจวน ตกดึกเหลยเซี่ยงจื้อ(น้องห้าของพระเอก)ส่งจดหมายมาแจ้งว่า เขาเข้าใจดีว่าเบื้อหลังเหตุฆ่ากรรมนี้ตั้งใจจะให้เขาผิดใจกับพี่ใหญ่ดังนั้นจะตั้งใจแสดงละคร หวังว่าจากนี้จะพบตัวผู้อยู่เบื่องหลัง

    เหลยเถี่ยตามสืบจนได้ความว่าเป็นฝีมือของจงอ๋องร่วมกับองค์ชายใหญ่ เหลยเถี่ย(พระเอก)ก็ยื่มมือฆ่าคน เขาใช้ยาของฉินเหมี่ยนจัดการให้จงอ๋องสลบ ฮ่องเต้ผู้ไม่รู้เรื่องราวเห็นว่าได้โอกาสจัดการจงอ๋องหนามหยอกใจนี้ทิ้ง

    ถึงเวลาที่แคว้นถูหลัวส่งตัวแทนมาเชื่อมสัมพันธไมตรี เหลยเถี่ยนำทหารคุ้มครองคณะเดินต่างแคว้น จนต้องจากบ้านไปหลายวัน จนเมื่อถึงกำหนดการเข้าวังหลวง ฉินเหมี่ยนพาเด็กๆมาดูกองทัพที่หน้าประตูเมือง เมื่อกองทัพผ่านเข้ามาก็สามารถมองเห็นสามีของเขาที่สง่างามสูงเด่นกว่าใครชัดเจน เหลยเถี่ยใส่ชุดแม่ทัพน่าเกรงขามจนเด็กสองคนผู้ใหญ่หนึ่ง ตื่นเต้นชื่นชมกันยกใหญ่ หลังเหลยเถี่ยส่งคณะทูตเข้าวัง ก็กลับไปหวานชื่นกับภรรยาอย่างร้อนแรง

    วันหนึ่งขณะกลับจากงานรับรองทูตแคว้นถูหลัว ฉินเหมี่ยนก็สังเกตุเห็นเฉินมู่เฟิง(จวิ้นอ๋อง)ดูไม่มีความสุขต่างจากตอนอยู่ที่อำเภอจ้าวหยาง ในฐานะสหายเขาจึงเข้าไปถามไถ่ และบอกว่าตนเองพร้อมช่วยเหลือหากอีกฝ่ายต้องการ ดังนั้นวันต่อมาเฉินมู่เฟิงจึงมาเยี่ยมพร้อมเล่าเรื่องที่เขากับจางซุนเฮ่อ(คุณชายที่ล่าสัตว์ท้ายเล่ม1/น้องชายฮ่องเฮา)เป็นคนรักกัน แต่ตัวเขาเป็นลูกคนเดียวจึงโดนหมินชินอ๋อง(พ่อของเฉินมู่เฟิง/น้องชายฮ่องเต้)กดดันอย่างหนัก

    ฉินเหมี่ยน(นายเอก)จึงแนะนำให้หมินชินอ๋อง(พ่อของเฉินมู่เฟิง/น้องชายฮ่องเต้)มีลูกเพิ่ม ก่อนจะไปช่วยตรวจชีพจรแล้วจ่ายยาบำรุงให้หมินชินอ๋องสุขภาพแข็งแรง ในที่สุดเฉินมู่เฟิงก็ยิ้มออก

    งานเลี้ยงหาคู่ของหลิวหม่านชิงองค์ชาย6แคว้นถูหลัว พูดให้น่าฟังคืองานเลี้ยงแลกเปลี่ยนความรู้ของ2แคว้น ที่บ้านใดมีลูกสาวก็ให้พามาทุกคน.. บ้านฉินเหมี่ยนไม่มีลูกสาว แต่ก็ให้เด็กๆมาด้วยเพราะอาหารจากห้องเครื่องในวังไม่เลวเลยทีเดียว เมื่องานเริ่มขึ้นองค์หญิงเยี่ยนชิง(อายุ24/ศัตรูเก่า)ก็หาเรื่องฉินเหมี่ยนอีกครั้ง

    ครั้งนี้อย่าว่าแต่ครอบครัวฉินเหมี่ยนที่ดูถูกนาง ราชวงค์ทั้งหลายก็ด่านางหลายประโยคแล้ว งานเลี้ยงระหว่างแคว้นกลับช่วยคนนอกทำร้ายคนในเสียนี่ แน่นอนว่าฉินเหมี่ยนไม่กลัวคำถามเลยสักนิดเขาตอบได้อย่างฉะฉานมากทีเดียว

    จบงานเลี้ยง การประลองบุ๋นแคว้นต้าเซี่ยชนะ การประลองบู๋แคว้นถูหลัวชนะ

    เมื่อกลับวังฮ่องเต้ที่เดิมคิดจะส่งลูกสาวขุนนาง ไปแต่งแทนราชวงค์ก็ตัดสินใจได้แล้ว องค์หญิงเยี่ยนชิงไม่รู้หนักเบา ดังนั้นครั้งนี้เขาจะส่งนางออกไปแต่งเชื่อมสัมพันธไมตรีต่างแคว้น วันแต่งงานก็จัดการวางยาสลบแล้วพาขึ้นเกี้ยว และเพื่อเป็นการแสดงอำนาจของแคว้น สินเดิมเจ้าสาวจึงยาวสิบหลี่พร้อมทหารคุ้มกันห้าพันนาย

    ครึ่งเดือนผ่านไปแคว้นต้าเซี่ยเปิดศึกกับแคว้นถูหลัว สาเหตุคือองค์หญิงถูกชาวแคว้นเถื่อนสังหาร แน่นอนว่านี่เป็นสาเหตุที่ใช้บอกชาวบ้านเพื่อความชอบธรรมเท่านั้น ทั้ง2แคว้นต่างเตรียมไพร่พลเพื่อรบศึกนี้ตั้งแต่คณะทูตส่งมาแล้ว ที่ผ่านมาเป็นแค่การแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น

    ฉินเหมี่ยน(นายเอก)ช่วยเตรียมพร้อมเพื่อการรบครั้งนี้มาตลอดตั้งแต่เข้าเมืองหลวง เขาล่าอินทรีวิเศษที่ส่งจดหมายระยะไกลได้ ทั้งหลอมยาวิเศษจำนวนมาก เมื่อถึงเวลาของจริงก็ออกมาส่งอีกฝ่ายด้วยความใจหายไม่น้อย ตั้งแต่เขาข้ามมิติมา นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องแยกห่างกับอีกฝ่ายนานขนาดนี้ ต่อให้รบเก่งแค่ไหนเวลาเดินทางก็2เดือนเข้าไปแล้ว และอีกฝ่ายก็เป็นแคว้นที่โหดเหี้ยมมากด้วย การศึกคงใช้เวลาไม่น้อย

    แน่นอนว่าพวกเขาสามารถเจอกันในมิติได้ แต่สถานการณ์ศึกจะมีเวลาอยู่ด้วยกันแค่ไหนเชียว

    ขณะที่ฝ่ายหนึ่งเริ่มรบ ครอบครัวอีก3คนก็คอยเขียนจดหมายให้ตลอด เด็กๆยังพูดคุยถึงเมื่อจบสงครามจะให้เหล่าเตี่ยส่งลูกม้ากลับมาฟากพวกเขา ตกดึกเหลยเถี่ยเข้ามิติมาเตือนว่า องค์ชายใหญ่เป็นไส้ศึก ตอนนี้ลงมือกับเขาไม่สำเร็จก็อาจจะส่งคนไปลอบทำร้ายพวกฉินเหมี่ยนแทน

    วันเกิดของจ่างซุนหง(ลูกชายจางซุนเฮ่อ/สหายของฝาแฝด) ครอบครัวฉินเหมี่ยน(นายเอก)ออกจากจวนไปอวยพรวันเกิด แต่เพียงครู่เดียวจะผู้ใหญ่หรือเด็กก็รู้สึกถึงเจตนาร้าย ภายในงานเลี้ยงมียาพิษ ส่วนข้างนอกมีนักฆ่า สุดท้ายฉินเหมี่ยน(นายเอก)ก็จัดการได้ แต่น่าเสียดายที่นักฆ่ากลืนยาพิษฆ่าตัวตาย

    ครึ่งเดือนต่อมาฉินเหมี่ยนถึงได้เจอเหลยเถี่ยในมิติอีกครั้ง เรื่องที่องค์ชายใหญ่เป็นกบฏมีหลักฐานชัดเจนแล้ว แต่อีกฝ่ายวางยาในอาหารของกองทัพ คนป่วยไปแล้วมากกว่าหมื่นคน เวลานี้เขามาขอยาจากฉินเหมี่ยนก่อน แล้วค่อยให้ตัวจริงเดินทางตามมาที่หลัง

    อีก2วัน ฮ่องเต้ที่ได้รับจดหมายรายงานการรบจากเหลยเถี่ย ก็เรียกตัวฉินเหมี่ยนเข้าเฝ้าพร้อมส่งไปชายแดน พร้อมกันนั้นยังมีหมอหลวงฉินที่เป็นแพทย์ส่วนพระองค์เดินทางไปพร้อมกันด้วย หมอหลวงฉินดีใจอย่างมาก เมื่อกลับบ้านไปเขาก็รีบบอกลูกชายคนโตว่าเขาตามหาลูกชายที่หายตัวไปพบแล้ว ไม่ได้คิดเลยว่าการหายตัวไปครั้งนั้นจะเป็นฝีมือของลูกชายคนโตนั้นเอง

    ระหว่างที่หมอหลวงฉินลอบมองมาหลายวันก็พูดออกไปในที่สุด เมื่อเห็นฉินเหมี่ยนไม่รู้ตัวก็เศร้าใจคิดว่าอีกฝ่ายคงสูญเสียความทรงจำ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดีใจที่ได้เจอลูกชายอีกครั้ง เมื่อมาถึงค่ายทหาร แพทย์สนามก็ต่อต้านฉินเหมี่ยนและคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กเท่านั้น และการรักษายิ่งติดขัดเมื่อความคิดเห็นของหมอหลวงฉินกับฉินเหมี่ยนไม่ตรงกัน

    สุดท้ายหลังผ่านการทดลองกับสัตว์ผลก็ออกมาชัดเจนว่ายาของฉินเหมี่ยนได้ผล หมอหลวงฉินดีใจมากที่มีอีกฝ่ายอยู่ ไม่อย่างนั้นทหารหมื่นชีวิตคงจบในมือเขา! แพทย์สนามทุกคนต่างก็นับถือฉินเหมี่ยนมาก

    เมื่อเหล่าทหารฟื้น ฉินเหมี่ยนก็มีเวลาอยู่กับสามีของตนสักที แต่พัวพันไปได้ครู่เดียวหมอหลวงฉินก็มาหา เขาไม่พอใจอยู่แล้วที่ลูกชายของตนอยู่กับผู้ชายและต้องการลูกชายคืน แต่เหลยเถี่ยก็บอกไปชัดเจนว่า ปีนั้นที่ฉินเหมี่ยน(ตัวจริง)ต้องออกจากบ้าน ท่านเคยตรวจสอบไหม และเมื่อ4ปีที่แล้ว(ช่วงเข้าเมืองหลวงครั้งแรก) พวกเขาเจอคนที่หน้าเหมือนฉินเหมี่ยนมาก แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เข้ามายืนยันความสัมพันธ์ เหลยเถี่ยไม่คิดจะให้ภรรยาไปเจอความวุ่นวายในบ้านคนอื่นแน่

    เมื่อหมอฉินรู้ก็อึ้งไป จากนั้นก็บอกชัดเจนว่าจะกลับไปตรวจสอบ กองทัพรบกันอีกครั้งโดยมีอาหารใส่น้ำพุวิเศษช่วยเสริมพลัง จนเอาชนะมาได้หลังจัดการเรื่องต่างๆ กว่าครึ่งเดือนก็กลับเมืองหลวง ก่อนกลับยังพาลูกม้าสีขาวสง่ากลับไปด้วย

    ที่กำแพงเมืองหลวง ราชวงค์ ขุนนางและประชาชนต่างออกมารับเหล่าทหาร เด็กๆก็ยืนอยู่ข้างฮ่องเต้และองค์หญิงด้วย พวกเขาเล่าถึงการเขียนจดหมาย ล่าสัตว์ และลูกม้า เมื่อกองทัพมาถึงก็โบกมือให้เหล่าท่านพ่อ2คน

    หลังต้อนรับกองทัพ สอบถามเรื่องราวคร่าวๆและส่งทุกคนกลับไปพักผ่อน ฮ่องเต้กลับรั้งหมอหลวงฉินไว้ เขาเคยตรวจสอบประวัติของฉินเหมี่ยนก่อนที่จะมาเป็นฮูหยินตราตั้งของแม่ทัพใหญ่แล้ว แต่กลับพบเพียงประวัติหลัง14ที่แต่งงานกับเหลยเถี่ย เมื่อพบว่าหมอหลวงฉินมีความกระตือรือร้นอย่างประหลาดที่จะเดินทางไปช่วยทหารพร้อมฉินเหมี่ยน เขาจึงตรวจสอบจากทางหมอหลวงฉินและพบเรื่องที่พี่ชายวางแผนฆ่าน้องชาย หมอหลวงฉินได้ยินก็ตกใจสุดขีด

    ฝั่งครอบครัวสุขสันต์กำลังลองขี่ลูกม้ากันอยู่ มีความสุขที่ครอบครัวพร้อมหน้า วันต่อมาฮ่องเต้ประทานตำแหน่งขุนนางและยศให้ฉินเหมี่ยน มีความหมายแฝงคือรั้งอยู่เมืองหลวงตลอดไป เพื่อควบคุมดูแล

    กิจกรรมล่าสัตว์ฤดูหนาวทั้ง4คนยังเป็นครอบครัวที่โดดเด่นที่สุดเช่นเคย การล่าสัตว์ครั้งนี้ก็เหมือนลานไว้ให้ชนชั้นสูงได้ขี่ม้าเล่นและล่าอะไรสนุกๆ มีแต่สัตว์ตัวเล็กๆที่ไม่อันตราย พวกเขาตามดูแลเด็ก2คนอยู่ตลอด ฉินรุ่ยฉี(แฝดพี่)ก็ยิงกวางได้ตัวหนึ่ง พรสวรรค์โดดเด่น

    ฝั่งเหลยรุ่ยหลิน(แฝดน้อง)ไล่ตามแพะจนมันหมดแรง ขณะที่กำลังจะล่าได้ กลับถูกคนชิงตัดหน้า อีกฝ่ายคือเฉิงปั๋วตง(โอรสองค์ชายใหญ่) เด็กๆปะทะฝีปากกันหนึ่งยก แน่นอนว่าใครก็สู้เหลยรุ่ยหลิน(แฝดน้อง)ไม่ได้ เฉิงปั๋วตงจึงสะบัดตัวจากไป แต่เหลยรุ่ยหลินโดนแย่งเหยื่อแบบนี้มีหรือจะยอม เขาควบม้าตามอยู่ด้านหลัง เมื่อสบโอกาสก็แย่งเหยื่อของอีกฝ่าย จากนั้นก็จากไป

    หลังล่าจนพอใจแล้วพวกเขาก็กลับค่าย เหลยเถี่ยที่กลับมาก่อนเตรียมอาหารแล้ว เด็กๆเริ่มคุยกันถึงเรื่องที่เจอ ที่จริงแล้วฉินเหมี่ยนรำคานฮ่องเต้ไม่น้อย เขาอยากล่าสัตว์แบบทริปครอบครัว ไม่ใช่ต้องมารับสายตาคนจากทั่วสารทิศแบบนี้

    เทศกาลปีใหม่ในส่วนของครอบครัว4คนนั้นฉลองกันอย่างสนุกสนาน ส่วนวันอื่นๆ ที่ต้อนรับแขกก็ต้อนรับ ที่ต้องเยี่ยมญาตินั้นก็ไปเยี่ยม รายการของขวัญขุนนางก็อย่าให้บกพร่อง และแล้ววันเยี่ยมบ้านที่ต้องไปจวนเหลยเซี่ยงจื้อ(น้องห้าของพระเอก)ก็มาถึง คราแรกที่ญาติทุกคนจากหมู่บ้านซิงซานมารวมตัวกันนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อไปอีกวันก็รู้ว่าเหลยต้าเฉียงไม่ได้ปล่อยวางเลยสักนิด เขาก่อเรื่องขึ้นอีกรอบ ครั้งนี้กระทบศักดิ์ศรีของเหลยเซี่ยงจื้อเต็มๆ ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเหมี่ยนเห็นเด็กหนุ่มคนนี้โกรธ

    ต่อมาหมอหลวงฉินเดินทางมาเยี่ยม เขาเล่าว่าลูกชายคนโตโดนลงโทษยังไง และต้องการรับตัวฉินเหมี่ยนกลับตระกูล แต่เมื่อปฏิเสธไป หมอหลวงฉินก็ไม่ดึงดัน ครั้งนี้ขอแค่ฉินเหมี่ยนมีความสุขก็พอแล้ว

    หลังปีใหม่ฮ่องเต้เริ่มประกาศบทลงโทษขององค์ชายใหญ่ต่อสาธารณะ แต่ยังไงก็เป็นลูกชายและต้องคำนึงถึงหน้าตาราชวงค์ จึงลงโทษเพียงสั่งกักบริเวณตลอดชีวิตเท่านั้น

    พ้นช่วงฉลองปีใหม่แล้ว ตระกูลเหลยเตรียมกลับหมู่บ้านซิงซาน ฉินเหมี่ยนเตรียมของฝากให้พวกเขามากมายและฝากไปถึงคนในหมู่บ้านที่สนิทกับพวกเขาด้วย ครั้งนี้เหลยต้าเฉียง(พ่อของพระเอก)ก็ต้องกลับไปด้วย เพราะเขาทะเลาะจนแตกหักกับเหลยเซี่ยงจื้อแล้ว แน่นอนว่าเหลยเซี่ยงจื้อไม่ได้ทอดทิ้งเขา แต่จะมอบเงินให้ทุกปี

    ระหว่างทางกลับคณะเดินทางเจอโจรปล้น กลุ่มครอบครัวพี่น้องยังไม่เท่าไร่ แต่เหลยต้าเฉียงกลัวจนเสียสติไป เหลยเซี่ยงจื้อกับเว่ยซื่อ(แม่เลี้ยง)โล่งใจในที่สุด เหลยเซี่ยงจื้อรู้สึกว่า4ปีที่เขาอยู่เมืองหลวงนี้เหนื่อยที่สุดในชีวิตแล้ว ครั้งนี้ได้รับอิสระเสียที

    หลังการเจรจาสินสงครามระหว่าง2แคว้นผ่านไป ครอบครัวฉินเหมี่ยนก็ขอเข้าเฝ้าเพื่อลาออก แต่คนหนึ่งคือแม่ทัพชั้นเลิศ อีกคนหนึ่งคือหมอเทวดา ฮ่องเต้จะทำใจปล่อยเขาไปได้ยังไง แต่ขณะจะเริ่มคุยจริงจัง เสนาบดีก็เข้ามาแจ้งข่าวใหญ่ ว่าที่หลิ่งโจวเกิดแผ่นดินไหว

    เมื่อฮ่องเต้เห็นคนที่คุกเข่าอยู่จึงได้ความคิดขึ้นมา หากฟื้นฟูอำเภอหลิ่งโจวขึ้นมาได้ ก็จะยอมให้ลาออก ฉินเหมี่ยนพิจารณาทันที ใน10ปีเกิดแผนดินไหว2ครั้ง แต่เพราะเป็นเขตกันชนของ2แคว้นจึงยังไม่ยอมอพยพคนออก ทำให้ชาวเมืองไม่พอใจ ถึงไม่อยากแต่ไม่รับงานก็ไม่ได้

    หลังจัดการเรื่องในเมืองหลวงเสร็จพวกเขาก็ออกเดินทาง คณะของฮ่องเต้ย่อมมาส่ง ส่วนกลุ่มเด็กๆก็ลากันด้วยมิตรภาพ

    การออกจากเมืองหลวงนั้นเป็นเรื่องดีอย่างแท้จริง ผู้ใหญ่ต่างผ่อนคลาย ส่วนเด็กๆยิ่งวิ่งเล่นกันสนุกสนาน เมื่อถึงเขตหลิ่งโจว อำเภอคุยเสี้ยนฉินเหมี่ยนก็เริ่มทำงาน อย่างแรกคือสำรวจพื้นที่เสียหายและพื้นที่ที่ใช่งานได้ หลังได้จุดที่เหมาะสม พวกเขาก็เตรียมย้ายผู้คน สร้างอำเภอคุยเสี้ยนขึ้นมาใหม่

    การสร้างบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ย่อมไม่ง่าย มีคนไม่น้อยที่ไม่พอใจวิธีจัดการของเขา และส่วนใหญ่ไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลง แต่ด้วยวิธีจัดการที่เด็ดขาด สุดท้ายผู้คนก็ค่อยๆยอมสยบ ไม่ทำงานไม่มีข้าวกิน และไม่ใช่การพูดเล่นๆด้วย!

    เวลาผ่านไปผลงานของฉินเหมี่ยนยิ่งปรากฏชัด ชาวบ้านต่างนับถือเขาอย่างมาก อำเภอถูกสร้างขึ้นใหม่ ผังเมืองนั้นเรียบร้อยดูแลง่ายกว่าแต่ก่อนมาก พื้นที่เพาะปลูกก็อุดมสมบูรณ์(จากการบำรุงโดยน้ำพุ) การแบ่งที่ดินก็แบ่งตามจำนวนคนในบ้านนั้นดียิ่ง เป็นการเริ่มใหม่อย่างแท้จริง

    ฉินเหมี่ยนส่งจดหมายลาออกอีกครั้ง หลังถูกรั้งรออยู่พักหนึ่งฮ่องเต้ก็เสด็จมาด้วยตัวเอง ยิ่งมาเห็นสถานที่จริงที่สร้างใหม่ฮ่องเต้ยิ่งตระหนักในใจ คนมีความสามารถแบบนี้เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร แต่หากฝืนรั้งจะเปลี่ยนมิตรเป็นศัตรูเสียเปล่าๆ สุดท้ายเขาจึงปล่อยให้เป็นอิสระซื้อใจและความภักดีแทน

    ครอบครัวสี่คนกลับหมู่บ้านซิงซานอย่างมีเกียรติ

(ตอนพิเศษ)

    พวกเขากลับมาถึงก็ใช่ชีวิตอย่างมีความสุขและหวานชื่น และวันหนึ่งแต้มขาวก็บำเพ็ญเพียรมาถึงจุดเปลี่ยน ขณะเลื่อนขั้นก็นำพาให้ครอบครัวทั้งสี่ทะลุมิติไปโลกปัจจุบัน

    ฉินเหมี่ยน(นายเอก)และเหลยเถี่ย(พระเอก)ตกลงไปอยู่ด้วยกัน

    ฉินรุ่ยฉี(แฝดพี่)ตกไปอยู่กับแต้มขาว(หมาป่า) และเหลยรุ่ยหลิน(แฝดน้อง)อยู่กับขนทอง(หมี)

    ฉินรุ่ยฉี(แฝดพี่)ค่อนข้างใจเย็นและมีสติทีเดียว เมื่อท้องหิวแต่ไม่มีเงินเขาก็มองดูคนทั่วไปและเริ่มขายความสามรถแบบเดียวกับนักแสดงเปิดหมวกข้างทาง การรำมวยที่สวยงามและมีพลังทำให้ผู้คนชื่นชมไม่น้อย แม้จะอยู่ต่างแดนและถูกคนแปลกหน้าล้อมก็ไม่หวั่นไหว เมื่อมีคนออกมาหยอกเล่นด้วยการขอท่าสู้เขาก็ประลองกลับอย่างจริงจัง ถึงแม้เขาจะบอกว่าตัวเองพลัดหลงกับคนที่บ้าน แต่ส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องหลอกลวงมากกว่า ดูอยู่สักพักก็จากไป ฉินรุ่ยฉีนำเงินที่ได้มาไปซื้อของกินและรออยู่เฉยๆให้ท่านพ่อทั้งสองมารับ

    เหลยรุ่ยหลิน(แฝดน้อง)ที่อยู่กับขนทอง(หมี)ตอนนี้ก็หิวข้าวแล้วเหมือนกัน เขาให้ขนทองย่อส่วนลงแล้วใช้สายจูงออกเดิน ก่อนที่จะเจอคุณชายที่ขับรถหรูมาหลายคน พวกเขาเห็นหมีขนทองสวยก็คิดจะแย่งเอาไป เหลยรุ่ยหลินดูสงบกว่าปกติมากทีเดียว แต่นี้เรียกว่ายิ่งนิ่งยิ่งอันตรายไงล่ะ เขาสกัดจุดคนพวกนี้แล้วหนีไป

    จากนั้นเมื่อเจอหญิงชราคนหนึ่งก็ขอให้เธอเมตาเลี้ยงอาหารเขาสักหน่อย แน่นอนว่าสมัยนี่คนร้ายชุกชุม หญิงชราไม่ได้ช่วยเด็กเพราะกลัวเป็นหน้าม้าโจร แต่ชายหนุ่มอีกคนรู้สึกสนใจที่เด็กคนนี้จับชีพจรตรวจโรคเป็นด้วย เขาขอลองทดสอบเด็กสักหน่อยก่อนจะพาไปเลี้ยงข้าวด้วยความนับถือ

    เหลยรุ่ยหลินได้กินข้าวแล้วออกเดินต่อ เขาเห็นที่ลานมีเด็กเล่นกันอยู่มากมายจึงสนใจและเข้าไปดู ลานตรงนี้กำลังเทศหน้ากล้องของผู้กำกับชื่อดังคนหนึ่ง เมื่อเขาเห็นเหลยรุ่ยหลินก็รู้เลยว่านี้คือคนที่เขาต้องการ แต่ชักชวนเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งพ่อของเด็กมาถึง เขาจึงให้นามบัตรไว้

    หลังตามหากันอยู่สักพักในที่สุดครอบครัวก็เจอตัวกันครบสักที ฉินเหมี่ยนภูมิใจกับลูกชายทั้งคู่มากที่แม้ไม่รู้อะไรเลยก็จัดการสิ่งต่างๆได้เป็นอย่างดี เมื่อเข้ามาถึงโลกฝั่งนี้แล้วย่อมต้องหาบ้านและทำบัตรประชาชน พวกเขามีพลังวิเศษและสมบัติจากโลกโน้นอยู่ ไม่กลัวจนเลยสักนิด

    เมื่อข้ามมิติมาแล้วย่อมไม่สามารถเป็นคนเถื่อนได้ ฉินเหมี่ยนทำบัตรประชาชนและประวัติใหม่โดยการสะกดจิตพนักงานด้วยพลังเซียน จากนั้นก็ซื้อบ้านหาที่อยู่ให้เรียบร้อยเพราะไม่รู้ว่าต้องอยู่อีกนานแค่ไหน หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ฉินเหมี่ยนก็ตัดสินใจบอกเด็กทั้งคู่เรื่องมิติลับ

    จะอยู่ที่ไหนฉินเหมี่ยนก็หาเงินเก่งมาก เขาไปรักษาโรคให้ชายหนุ่มที่ช่วยเลี้ยงข้าวลูกชายได้เงินมาจำนวนมาก ครานี้เองที่เหลยเถี่ยเริ่มอยากทำอะไรสักอย่างแล้ว เขารู้สึกว่าฐานะของผู้นำครอบครัวกำลังสั่นคลอน ขณะที่ดูทีวีอยู่เด็กๆสองคนก็รู้สึกว่าการแสดงในนั้นน่าสนใจมาก พวกเขาจึงไปเทสหน้ากล้องกัน แน่นอนว่าเทสผ่านเหลยรุ่ยหลิน(แฝดน้อง)ได้รับบทไป

    ฉินเหมี่ยนกลับไปดูที่บ้านเก่าของเขาอีกครั้ง ตอนนั้นเขาโดนฉินเหลี่ยน(น้องชายคนละแม่)ผลักตกบันไดจนตาย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังใช้ชีวิตสุขสบายดี ส่วนคนอื่นที่บ้านคิดว่าเขาออกจากบ้านไปเองอย่างไม่สนใจ เมื่อสืบข่าวได้แล้วเขาก็ไปปรากฏตัวให้คนร้ายไม่สบายใจสักหน่อย

    วันว่างๆวันหนึ่ง สามีไปดูแลลูกที่กำลังถ่ายหนัง ส่วนเขาพาลูกชายคนโตไปร้านหนังสือแห่งหนึ่ง เขาเลือกร้านที่ฝากสัตว์เลี้ยงได้แล้วให้สัตว์เลี้ยงในบ้านแปลงเป็นหมา2ตัวนกแก้วหนึ่งตัว ขณะเลือกหนังสือก็ได้ยินเสียงแต้มขาวขู่ออกมา เมื่อเขาไปดูก็เจอคุณชายคนหนึ่งท่าทางหยิ่งยโส เมื่อเห็นหน้าลูกชายเขาก็ด่ากราด

    เป็นคนที่เหลยรุ่ยหลิน(แฝดน้อง)สกัดจุดเพราะอยากปล้นขนทองนั้นเอง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เลิกนิสัยแย้งของคนอื่นไม่ได้ การปะทะฝีปากรอบนี้เขาก็แพ้ไป แต่ไม่ได้ยอมแค่นี้ เพราะวันต่อมาฉินเหมี่ยน(นายเอก)ก็ได้โทรศัพท์จากผู้กำกับว่า นายทุนต้องการให้ปลดลูกชายออก ไม่อยากนั้นจะถอนทุนทำหนัง

    ฉินเหมี่ยน(นายเอก)จึงขอเป็นผู้ลงทุนแทนเอง เขาหาเงิน100ล้านมาอย่างรวดเร็วจากการขายของในมิติที่เก็บของพระราชทานจากฮ่องเต้ทั้งหมดไว้ และมีสมุนไพรมีค่าจำนวนมาก

    ฉินเหมี่ยน(นายเอก)ไปร่วมงานเลี้ยงชั้นสูงของเหล่าคุณชาย คนที่เขาช่วยตรวจโรคมีฐานนะไม่เลวในนี้และช่วยให้เขารู้จักเส้นสาย ตอนนั้นเองที่คุณชายเสเพลก็เข้างานมา เขาตกใจที่เห็นฉินเหมี่ยมในงานและต้องการไล่อีกฝ่ายออกไป เขาคือคนที่รู้จักนายทุน และพยายามหาเรื่องไล่เหลยรุ่ยหลิน(แฝดน้อง)นั้นเอง

    แต่นี่ไม่ใช่งานที่เขาเป็นเจ้าภาพย่อมไม่มีสิทธิ์ไล่คน ตอนนี้เองคุณชายที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองก็เข้ามา หลังทำความรู้จักกันแล้วฉินเหมี่ยน(นายเอก)ก็ตอบรับไปตรวจปู่ของอีกฝ่าย เห็นแก่นิสัยพอใช้ได้ผูกมิตรสักหน่อยไม่เสียหาย

    หลังลูกชายถ่ายหนังเสร็จพวกเขาก็ออกไปเที่ยวรอบโลก ให้ครอบครัวได้เปิดหูเปิดตา

    หนังเข้าฉายแล้ว ครอบครัวก็กลับมาร่วมงานเปิดตัว เด็กแฝดโด่งดังในพริบตา ฉินหย่งเฉิง(พ่อนายเอก)เห็นหน้าของเด็กๆก็ตื่นเต้น นี่คือหลานของเขาแน่นอนหน้าเหมือนลูกชายคนโตมาก ลูกชายคนเล็กของเขาฉินเหลี่ยน(น้องชายคนละแม่นายเอก)มีลูกยาก ดังนั้นเขาจึงอยากได้เด็กทั้งคู่มา

    ฉินหย่งเฉิง(พ่อ)มาดักเจอครอบครัวฉินเหมี่ยน(นายเอก) ต้องการตัวหลานและให้เขาเลิกอยู่กับผู้ชาย แต่ไม่มีใครสนใจ ทั้งยังเปิดเผยความน่ารังเกียจที่ฉินหย่งเฉิงทำร้ายแม่ของเขา และเรื่องที่ฉินเหลี่ยนตั้งใจจะฆ่าเขา ส่วนสมบัติตระกูลฉินเขาไม่เคยสนใจตั้งแต่แรกแล้ว

    ถึงเวลาที่แต้มขาวกำลังจะเลื่อนขั้นตบะอีกครั้ง รอบนี้มีเวลาเตรียมตัว เด็กๆและสัตว์เลี้ยงเข้าไปอยู่ในมิติ ส่วนผู้ใหญ่สองคนกอดกันแน่น พวกเขากลับมาที่แคว้นต้าเซี่ยอีกครั้ง

    แต้มขาวเลื่อนขั้นจนแปลงเป็นมนุษย์ได้แล้ว ที่แท้มันมีสายเลือดของสุนัขเทพจึงบำเพ็ญเพียรได้ ตอนนี้มันนึกถึงอดีตชาติออกแล้ว และพบว่าชาติก่อนฉินเหมี่ยนเคยช่วยชีวิต ชาตินี้มันจึงช่วยอีกฝ่ายให้มายังมิตินี้ได้

    จากนั้นพวกเขาทุกคนก็กลับบ้าน แม้จากไปกะทันหันก็ไม่มีปัญหาอะไร โลกฝั่งนี้กำลังจะปีใหม่แล้ว ทุกคนต่างกินเลี้ยงกับครอบครัวอย่างมีความสุข

(จบบริบูรณ์)



Ad Code

Responsive Advertisement