(สปอย์) หลางตี๋ หมาป่าเหนือราชัน เล่ม 1





    (สปอย์) หลางตี๋ หมาป่าเหนือราชัน เล่ม 1

    จิ้นเยวี่ย(นายเอก)เดินทางจากบ้านเกิดมาสู่แคว้นเป่ยหรง(ดินแดนที่รวบรวมชนเผ่าทั้งหลาย) เขาเป็นองค์ประกันจากแคว้นต้าอวี่ ด้วยฐานะลูกชายของแม่ทัพใหญ่ ขณะที่กำลังเดินทางอยู่ก็ได้ช่วยเด็กหนุ่มที่กำลังโดนผู้อื่นทุบตีรังแก เด็กหนุ่มคนนั้นคือเฮ่อหลันเฟิง(พระเอก)

    เฮ่อหลันเฟิงถูกเหยียดหยามจากคนอื่นเพราะเขาเป็นลูกครึ่งเกาซิน-ฮ้่น เผ่าเกาซินถูกหมอผีร่ำลือว่าเป็นเผ่ากาลกิณีผู้คนจึงรังเกียจ แม้มีความสามารถแต่โดดเดียวขาดพรรคพวก เมื่อถึงเวลาจึงถูกรุมทุบตีอย่างช่วยไม่ได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือนี้เขาคงจะสูญเสียดวงตาไปแล้ว

    แต่การพบเจอสั้นๆนี้ไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรทิ้งไว้ที่จิ้นเยวี่ย พริบตาเดียวเขาก็ลืมหมาป่าน้อยตนนี้ไป

    ในเมืองหลวง เป่ยหรงเทียนจวิน(ฮ่องเต้ของเป่ยหรง)รู้เรื่องที่องค์ประกันจากแคว้นต้าอวี่มาถึงแล้ว ลูกชายของแม่ทัพใหญ่จิ้นหมิงจ้าว เป่ยหรงเทียนจวินชื่นชมจิ้นหมิงจ้าว ในสายตาเขาแม่ทัพผู้นี้เก่งกาจยิ่ง เรียกว่าเป็นยอดแม่ทัพที่สุดตั้งแต่แคว้นต้าอวี่ตั้งมา คอยสกัดการบุกของแคว้นจินเซียงมาตลอด20ปี ครั้งหนึ่งที่แคว้นเป่ยหรงส่งทหารไปบุกชายแดน ต้าอวี่ก็ย้ายแม่ทัพผู้มีมาสกัดกั้น ทัพของเป่ยหรงแตกพ่าย

    ขณะที่กำลังระลึกความหลัง นายทหารผู้หนึ่ง(เฮ่อหลันจินอิง(พี่ชายพระเอก))ก็เขามารายงานว่า แม่ทัพใหญ่สิ้นชีพในสนามรพแล้ว ทหารทั้งกองไม่มีใครรอด ด่านชายแดนใกล้รักษาไว้ไม่อยู่แล้ว

    เป่ยหรงเทียนจวินเสียดายคนมีความสามารถยิ่ง แต่ก็พยักหน้ารับ แคว้นต้าอวี่ที่ไม่มีแม่ทัพใหญ่จิ้นหมิงจ้าว(พ่อนายเอก)ก็เหมือนเนื้อติดมัน เขาสั่งจัดทัพเตรียมชิงดินแดนแข่งกับแคว้นจินเซียงทันที ส่วนตัวประกันก็ไม่ต้องเก็บไว้ เขาสั่งให้นายทหารที่เข้ามาแจ้งข่าวไปจัดการซะ

    (แคว้นเป่ยหรงอยู่บน แคว้นจินเซียงอยู่ซ้าย ของแคว้นต้าอวี่ ส่วนต้าอวี่อยู่ติดทะเลตงไห่)

    ด้านค่ายของเผ่าเยี่ยไถ จิ้นเยวี่ย(นายเอก)ได้เจอเฮ่อหลันเฟิง(พระเอก)อีกครั้ง เด็กคนนี้อายุไล่เลี่ยกับเขา และรู้ภาษาต้าอวี่ดังนั้นจึงถูกส่งมาอยู่เป็นเพื่อนเขา คนหนึ่งแบ่งลูกกวาด ส่วนคนหนึ่งแบ่งเนื้อตากแห้ง แม้ปากของเด็กหนุ่มหมาป่าจะบอกว่าไม่ชอบต้าอวี่ แต่บรรยากาศไม่แย่นัก และยิ่งเมื่อเฮ่อหลันเฟิงนำลูกกวาดกลับไปให้น้องสาว เธอก็ติดใจและวิ่งมาคุยกับจิ้นเยวี่ย(นายเอก)คุยเล่นกันกลมเกลี่ยวทีเดียว

    จากปากของของน้องสาวผู้นี้ เขาก็ได้รู้ว่าบ้านของเด็กหนุ่มยากจนที่สุดในที่ราบนี้ ครอบครัวมีสามคนพี่น้อง พ่อแม่เสียแล้ว เมื่อได้ยินว่าพี่ชายคนโตเป็นทหาร จิ้นเยวี่ย(นายเอก)ก็นึกถึงสถานการณ์ของแคว้นทั้งสองที่เกี่ยวข้องกับตน เดิมที่เป่ยหรงทำสงครามติดพันกับต้าอวี่มาตลอด10ปี จนกระทั้งเป่ยหรงเทียนจวินคนปัจจุบันทำสัญญารับของบรรณาการ ชายแดนจึงสงบลงได้ ตัวเขาเองก็ไม่ต่างกับของบรรณาการที่ถูกส่งมาเพื่อแสดงความจริงใจต่อแคว้นเป่ยหรง

    แต่ตอนนี้ไม่รู้สถานการณ์เป็นยังไง พวกเขาหยุดอยู่ที่นี่เป็นสัปดาห์แล้ว ไม่ได้ไปที่เมืองหลวงเพื่อพบเป่ยหรงเทียนจวิน แม้แต่การควบคุมตัวก็เข้มงวดมาก กระทั้งวันหนึ่งเฮ่อหลันจินอิง(พี่ชายพระเอก)ก็เดินทางมาที่ค่าย แจ้งข่าวร้ายจิ้นเยวี่ย(นายเอก) เด็กหนุ่มแทบล้มทั้งยืน จากวันนั้นเขาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนล้มป่วยลงในที่สุด

    วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นในกระโจม ด้านนอกไม่มีแม่ทัพหญิงที่สนิทกันและทหารต้าอวี่เลยสักนาย แม้ไม่อยากจะเชื่อแต่เฮ่อหลันจินอิงก็เข้ามาย้ำเตือนความจริงและชี้ให้เขาเห็นจุดพิรุธมากมาย จิ้นเยวี่ย(นายเอก)พึงระลึกได้แล้ว ต้าอวี่มีองค์ชายมากมายแต่กลับเป็นเขาที่ฮ่องเต้เลือกส่งมา อยู่ๆทหารก็เข้าปิดล้อมจวน เขาไม่มีเวลาได้ลามารดาเลยด้วยซ้ำ และไม่รู้ว่าบิดาได้รู้เรื่องที่เขากลายเป็นองค์ประกันรึเปล่า และบิดาของเขารบมา20ปีไม่เคยแพ้ ครั้งนี้กับสิ้นชีพ หน่วยพิเศษส่วนตัวก็โดนกวาดล้างในคราเดียว จิ้นเยวี่ย(นายเอก)คิดอะไรไม่ออกแล้ว หัวของเขาราวกับถูกไฟนาบสุดท้ายก็ไข้ขึ้นจนสลบไป

    เฮ่อหลันจินอิง(พี่ชายพระเอก)รับตัวเขาไว้เป็นทาสในบ้าน เหตุผลแรกคือในอดีตเขาเลยได้รับการช่วยเหลือจากแม่ทัพใหญ่จิ้นหมิงจ้าว และสองเป่ยหรงเทียนจวินไม่ต้องการให้องค์ประกันตาย แต่ก็ห้ามมีชีวิตดีเกินไป เวลานี้เองที่มีเสียงรายงานว่าองค์ประกันหนีไปแล้ว เฮ่อหลันจินอิงกำลังรอเวลานี้อยู่ กักขังไว้จิตใจยังโผบินสามารถฝันไกลไปร้อยความคิด ต้องให้ออกไปดูโลกภายนอกสักหน่อย เด็กหนุ่มผู้นั้นจะได้รู้ว่าตนไม่มีทางให้กลับแล้ว

    จิ้นเยวี่ย(นายเอก)ออกไปไม่นานก็โดนคนเล่นงานแล้ว เป็นพวกเด็กฐานะดีในเยี่ยไถ่ที่วันก่อนพึ่งรุมเหยียดยามเฮ่อหลันเฟิง(พระเอก)นั้นเอง พวกเขายิงธนูปักหลังจิ้นเยวี่ย ขี่ม้าล้อมเรียกเด็กหนุ่มว่าทาส ได้ยินแบบนั้นจิ้นเยวี่ยก็ต่อต้านสุดขีด จนแส้กำลังจะหวดลงมา เฮ่อหลันเฟิง(พระเอก)ก็เข้ามาขวางไว้ทัน

    จากวันนั้น จิ้นเยวี่ย(นายเอก)ก็กลายเป็นทาสของครอบครัวเฮ่อหลัน พี่น้องสามคนเคยชินกับการดูแลตนเองนานแล้ว เขาจึงไม่มีอะไรให้ทำมากนักนอกจากดูแลแพะ ทำความอาดกระโจม เวลานอนไปนอนรวมกับทาสคนอื่นๆ เคยมีคนคิดจะหลับนอนกับเขา แต่โชคดีที่ขัดขืนจนรอดมาได้ ครานั้นเขาวิ่งหนีทุลักทุเลจะไปขอความช่วยเหลือจากเฮ่อหลันเฟิง เด็กหนุ่มที่เคยช่วยตน แต่แล้วกลับโดนเฮ่อหลันจินอิงขวางระหว่างทาง

    แม้จะรอดจากมือทาสกักขฬะมาได้ แต่ก็ได้รู้ว่ามีนายทาสเป็นพี่ใหญ่คนนี้ชีวิตคงไม่ง่ายเช่นกัน

    สองเดือนต่อมา เฮ่อหลันเฟิง(พระเอก)ซื้อทาสมาให้จิ้นเยวี่ย(นายเอก) แต่กลับโดนต่อว่า เฮ่อหลันเฟิงไม่เข้าใจที่ต้าอวี่ก็มีทาสกันเป็นเรื่องปกติ แต่พอเขาซื้อให้กลายเป็นคนป่าเถื่อน พวกเขาเริ่มประชดประชนใส่กัน จนจิ้นเยวี่ยหลุดออกมาว่า เฮ่อหลันเฟิงไม่ใช่ชาวเป่ยหรงสักหน่อย เฮ่อหลันเฟิงอึ้งไม่คาดคิดว่าคำนี้จะออกมาจากจิ้นเยวี่ย เขากัดฟันแล้วเดินออกจากกระโจมมา

    ไม่ใช่ชาวเป่ยหรง นี่เป็นปมที่รัดใจของเฮ่อหลันเฟิงที่สุด พ่อเขาเป็นชาวเกาซิน แม่เป็นชาวฮั่น แต่เขาเกิดที่แคว้นเป่ยหรง ที่นี่มีตำนานว่าเทพได้นำวิญญาณหมาป่าชั่วร้ายใส่ไว้ในชนเผ่าเกาซิน คนเผ่าชั่วร้ายนี้มีดวงกินญาติ ดังนั้นตั้งแต่เด็กหลังพ่อแม่ตาย เขาก็โดนผู้คนรังเกียจมาตลอด ไม่ได้รับการดูแล ไม่ได้รับการใส่ใจ 3พี่น้องต้องใช่ชีวิตอัตตาคัด พึงพากันและกัน

    พี่ชายมาปลอบเขาจากนั้นก็แนะนำว่า อยากสนิทกับจิ้นเยวี่ยต้องทำยังไง เช่นการเขียนอ่านเขียน หรือสถานที่วัฒนธรรมของต้าอวี่อดีตคุณชายคนมีเรื่องให้พูดคุยกลับ เฮ่อหลันเฟิง(พระเอก)ฟังแล้วจึงมาหาจิ้นเยวี่ย(นายเอก) แต่พบว่าเขาเล่นสนุกอยู่กับหุนต๋าเอ๋อร์ศัตรูของตนเอง เด็กที่ชอบมารุมซ้อมเขา แถมยังเคยยิงธนูในเด็กหนุ่มเลยด้วย แต่จิ้นเยวี่ยไม่โกรธ แถมยังไปสนิทสนมด้วย

    เฮ่อหลันเฟิง(พระเอก)ไม่ชอบใจ ทีกับเขาล่ะไม่เคยยิ้มให้ ทั้งคู่กำลังเรียนขี่ม้ากัน เขาบอกจะสอนให้แต่จิ้นเยวี่ย(นายเอก) ยืนยันจะเรียนกับหุนต๋าเอ๋อร์ต่อ

    จิ้นเยวี่ย(นายเอก)สืบเรื่องของเฮ่อหลันเฟิงจากหุนต๋าเอ๋อร์ได้มากมาย หลังจากนั้นเมื่อขี่ม้าเสร็จ เขาก็นำเรื่องที่รู้มาเปลี่ยนเป็นคำพูดที่ทำให้เฮ่อหลันเฟิง(พระเอก)สบายใจ จากนั้นพวกเขาก็คืนดีกัน เฮ่อหลันเฟิงขอให้จิ้นเยวี่ยสอนเขียนภาษาฮั่น หลังจากนั้นพวกเขาก็กลมเกลียวกันไม่น้อย จิ้นเยวี่ยเล่าถึงหลายสิ่งหลายที่ แต่เพราะเฮ่อหลันเฟิงไม่เคยเห็นนึกภาพไม่ออก เขาจึงขอให้วาดแผนที่ออกมาตามที่พี่ชายเคยแนะนำเขาไว้ แต่เฮ่อหลันเฟิงไม่รู้เลยว่านี้คือกับดับของพี่ชาย และเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้จิ้นเยวี่ยตัดสินใจได้

    จิ้นเยวี่ย(นายเอก)เป็นลูกชายแม่ทัพใหญ่ ไม่มีทางที่เขาจะขี่ม้าไม่เป็น และตลอดมาเขาเตรียมตัวหลบหนีกลับบ้านอยู่ตลอด ขณะที่เขียนแผนที่วังหลวง เขาก็รู้ตัวดีว่านี่คือเหตุผลที่เป่ยหรงไว้ชีวิตเขา

    อีกวันหนึ่ง ตอนเห็นพี่ชายมาเอาแผนที่ เฮ่อหลันเฟิงก็รู้ตัวแล้วว่านี่คือสิ่งที่พี่ชายต้องการ แต่พี่ชายก็บอกกับเขาว่า จิ้นเยวี่ยมีชีวิตอยู่เพื่อแผนที่นี้ และถ้าเฮ่อหลันเฟิงเห็นแก่น้ำใจนสหายอันเบาบางปล่อยคนไป คนที่จะตายก็คือพี่ชายกับน้องสาวของเขาแทน จะทำอะไรคิดให้ดีๆ

    ไม่นานจิ้นเยวี่ย(นายเอก)ก็หาโอกาสเหมาะแล้ว เฮ่อหลันคนพี่ไปราชกาลทหารอีก5เดือนกลับ เฮ่อหลันคนน้องขึ้นเขาไปล่าสัตว์ ในบ้านเหลือแต่เด็กผู้หญิง จากนั้นเขาก็ชิงม้าดี และพาทาสสาวชาวต้าอวี่หนีออกมาพร้อมกันด้วย และแผนที่ที่เขามอบไปยังเป็นของปลอมอีกด้วย จากนั้นกลางพายุเขาได้รับความช่วยเหลือจากเยวี่ยเหลียนโหลว เขาเป็นคนของพรรคหมิงเยี่ยที่สนิทกับท่านพ่อ

    เขาได้รู้ว่ามารดาออกเดินทางก่อนหายตัวไป คนตระกูลจิ้นถูกเนรเทศระหว่าทางเรือคว่ำตายทั้งหมด ตอนนี้เขาไร้ญาติขาดมิตรโดยสิ้นเชิง เบาะแสเดียวที่จะสืบการตายที่มีพิรุธของกองทัพได้มีแต่แม่ทัพสาวไป๋หนีที่หายตัวไปเท่านั้น เขาต้องใช่ประโยชน์จากเฮ่อหลันเฟิง(พระเอก)

    ด้านเฮ่อหลันเฟิง(พระเอก)ที่ล่าสัตว์อยู่ เขาไม่รู้ว่าที่กระโจมเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ขณะล่าสัตว์ยังแอบถามข่าวของกองทัพต้าอวี่ที่หายตัวไปกับหุนต๋าเอ๋อร์ที่เป็นลูกชายแม่ทัพ เขาคิดที่จะช่วยเหลือจิ้นเยวี่ย(นายเอก)อยู่เสมอ กลับมาก็พบคนที่หลบหนีไปกลับมารออยู่ก่อนแล้ว เพราะเจอความเย็นระหว่างหนีจึงป่วยในที่สุด เฮ่อหลันเฟิงคอยดูแลอยู่ข้างๆ

    หลังคนฟื้นเฮ่อหลันเฟิงก็พาจิ้นเยวี่ยขึ้นม้า ไปบริเวนไกลขึ้นเพื่อฉลองปีใหม่ เฮ่อหลันเฟิงบอกอีกฝ่ายว่าแผนที่โดนพี่ชายเผาไปแล้ว มีจุดที่ไม่ถูกต้อง และจุดนั้นแม่ทัพใหญ่จิ้นหมิงจ้าว(พ่อนายเอก) เป็นคนบอกพี่ชายของเขาเอง

    ในอดีตที่เฮ่อหลันจินอิงเป็นทหารชั้นผู้น้อย เขาเคยบาดเจ็บก็ได้จิ้นหมิงจ้าวช่วยชีวิตไว้ ครั้งนั้นพวกเขาเหมือนสหายต่างวัยที่พูดคุยเรื่องต่างๆกันมากมาย นับว่ามีมิตรภาพต่อกันไม่น้อย

    จิ้นเยวี่ยถูกปลอบโยน เฮ่อหลันเฟิงบอกว่าพี่ชายแค่ขู่เจ้าเท่านั้น แต่เขาไม่มีวันทำอะไรเจ้าแน่นอน การขอชีวิตจากเป่ยหรงเทียนจวินก็เป็นพี่ชายเขาที่อ้างเรื่องแผนที่ออกไป จิ้นเยวี่ยโล่งใจจนร้องไห้ เฮ่อหลันเฟิงเองก็เล่าความฝันของตนเองให้ฟัง เขาอยากจะได้ศรหลางตี๋ คนภายนอกจะรู้กันว่าผู้ที่จะใช่ศรนี้ได้ต้องเป็นราชองค์รักษ์หรือผู้ที่ทำความดีความชอบยิ่งใหญ่ เป่ยหรงเทียนจวินจึงจะประทานให้

    แต่เฮ่อหลันเฟิงอยากได้มันก็เพราะสิ่งนี้คือศรเกาซิน เป็นวิชาที่เป่ยหรงได้มาตอนกลืนชนเผ่าเกาซิน ในอดีตเขาต้องการศรเผื่อแสดงว่าตนเป็นชาวเป่ยหรงอย่างแท้จริง แต่ตอนนี้เขาต้องการเพื่อเข้าใกล้ชาวเกาซินที่อยู่ในตัวเอง

    หลังเปิดใจกันแล้ว วันเวลาผ่านไปอย่างมีความาสุข หลายเดือนผ่านไป เฮ่อหลันจินอิง(พี่ชายพระเอก)มีข่าวคราวอีกครั้ง เขากลายเป็นแม่ทัพและครอบครัวถูกสั่งให้เข้าเมืองหลวง

    ระหว่างเดินทางได้พบกับเยวี่ยเหลียนโหลว(พรรคหมิงเยี่ย)ที่หอสังสรรค์ ที่นั่นเฮ่อหลันเฟิงได้เจอหญิงชาวเกาซินคนหนึ่ง เธอเป็นดาวเด่นของที่นี่ซึ่งเฮ่อหลันจินอิงมองว่าเธอเป็นเล่อหม่า(หัวใจ)ของเขา เมื่อทางนี้วุ่นวายจิ้นเยวี่ยก็แอบออกมาเจอคน เขาได้รู้ข่าวร้ายว่าต้าอวี่ทางเหนือตกเป็นของเป่ยหรงแล้ว ขณะเดียวกันก็พบข่าวของมารดาแล้วเธอยังอยู่ดีใต้การคุ้มครองของพรรคเยี่ย หลังฟังข่าวพวกนี้ด้วยความไม่ระวังคำพูด จิ้นเยวี่ยก็ทำให้เยวี่ยเหลียนโหลวไม่พอใจเข้า เขาแซะว่าท่านประมุขไม่น่าลำบากเลย ดูท่าคุณชายฝีมือดีขนาดนี้หนีจากแคว้นเป่ยหรงเองได้อยู่แล้ว

    จิ้นเยวี่ยเข้าใจทันทีว่าตัวเองล่วงเกินแล้ว เขาพยายามพูดคำหวาน แต่แล้วก็ถูกดันตัวออกมา เฮ่อหลันเฟิงมาตามหาเขาแล้ว จากนั้นเขาก็ได้รู้ว่าเล่อหม่าหมายถึงหัวใจ เป็นที่พักของจิตวิญญาณ จิ้นเยวี่ยถูกอารมณ์รักหวานซึ้งของชาวเกาซิน ทำให้คันหัวใจไปหมด

    ไม่นานก็ถึงเทศกาลโคมไฟ จิ้นเยวี่ยได้รู้ว่าที่แคว้นเป่ยหรง การจะนับว่าฤดูใบไม่ผลิมาถึงแล้วต้องมาจากท่านหมอผีเป็นคนคำนวน และชาวเป่ยหรงเชื่อหมอผีมาก เฮ่อหลันเฟิงพาเขาชมเทศกาลโคมไฟ มันสวยงามน่าตะลึงมาก

    หลังจากนั้นจิ้นเยวี่ยก็รับตัวคนของพรรคหมิงเยี่ยเข้ามาเป็นคนใช่ในบ้านได้สำเร็จ และเขาก็ให้คนพาตัวเองลอบออกไปหาเยวี่ยเหลียนโหลว เสนออุบายที่จะสงบศึกได้ เยวี่ยเหลียนโหลวตื่นเต้นมา ก่อนเขาจากไปยังจูบหน้าผากและหอมแก้มเด็กหนุ่มด้วย

    จากนั้นพี่ชายกับแม่ทัพหูก็เดินทางกลับมากันแบบเงียบๆ เขาได้รู้เรื่องที่หญิงในดวงใจของตัวเองถูกเปิดเผยแล้ว สั่งลงโทษ ให้เฮ่อหลันเฟิงกับหุนต๋าเอ๋อร์ไปล่าสัตว์ห่างไกลเป็นพิเศษ กลับมาก็พบว่าจิ้นเยวี่ยโดนเรียกตัวไปพบเป่ยหรงเทียนจวินแล้ว

    ด้านจิ้นเยวี่ยเขาต้องพบหมอผีเพื่อชำระจิตวิญญาณให้สะอาดก่อน ระหว่างพูดคุยเขารู้สึกว่าคนๆนี้งมงายไม่เป็นเรื่องมาก

    ขณะเดียวกันด้านเฮ่อหลันเฟิง เพื่อช่วยคนเขาก็ได้ฆ่าคนเป็นครั้งแรก แม้จะไม่มีเวลาให้หยุดคิดอะไรจากสถานการณ์แต่ในหัวก็ตื่อไปหมด และศึกครั้งนี้เองที่เขาได้จับศรหลางตี๋เป็นครั้งแรก หลังจากช่วยเสร็จเขาจึงรู้ว่านี้คือโอรสองค์โตของเป่ยหรงเทียนจวิน ชื่อว่าหว่าซินถู อวิ๋นโจวอ๋อง สหายสนิทมเรียกว่าอาหว่าน

    เฮ่อหลันเฟิงก้มหัวให้เขา ขอร้องให้เขาช่วยจิ้นเยวี่ยที่ถูกพาตัวไปพบเป่ยหรงเทียนจวิน

    เพราะเหตุนี้แม้เป่ยหรงเทียนจวินจะอารมณ์ไม่ดีแต่ก็มีรัชทายาทของตัวเองเปลี่ยนหนักเป็นเบาอยู่ข้างๆ เทียนจวินเห็นลูกชายกำลังบาดเจ็บหนักจึงยอมลงอ่อนข้อให้หลายส่วน พวกเขาทดสอบสติปัญญาความเฉียบแหลมของจิ้นเยวี่ย ก่อนจะรู้สึกว่าเด็กหนุ่มฉลาดมาก เขาต้องการใช้ความฉลาดของเด็กหนุ่มให้เป็นประโยชน์ แต่จิ้นเยวี่ยก็ปฏิเสธ เพราะเขาคือชาวต้าอวี่ เรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนได้

    เป่ยหรงเทียนจวินสีหน้าอึมครึม ตอนนี้เองที่องค์รัททายาทขอชีวิตจิ้นเยวี่ยไว้ เขาเล่าถึงเรื่องเด็กหนุ่มเกาซินมาช่วยเขา ดังนั้นครั้งนี้ขอให้ปล่อยทาสตัวน้อยนี้ไป เทียนจวินว่า ปล่อยไปรึก็ได้แต่คนผู้นี้กล้าบอกว่าตนเป็นชาวต้าอวี่ทั้งที่เป็นทาสของเป่ยหรง เมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ประทับตราทาส เพราะตระกูลเฮ่อหลันเป็นชาวเกาซินจึงไม่มีตระประจำตระกูล พระองค์จึงประทานตราประทับของตนเองให้ แล้วให้เฮ่อหลันเฟิงเป็นคนลงมือประทับตราด้วยตนเอง

    ที่เด็กหนุ่มคนนี้ยังเย่อหยิ่งได้อยู่ ก็เพราะไม่เคยลงตราและถูกปฏิบัติเป็นทาสของจริง ศักดิ์ศรีของลูกชายแม่ทัพใหญ่ฝังอยู่ในตัว พระองค์ต้องการกระชากมันออกมา ไม่เป็นคนของพระองค์ ก็อย่าคิดว่าจะได้อยู่สบายเกินไป

    เฮ่อหลันเฟิงปฏิเสธต่อหน้าเทียนจวิน แต่ก็โดนทหารตรงนั้นกดตัว บอกกับเขาว่าเทียนจวินโมโหมากแล้ว ถ้ายังกล้าขัดรับสั่งอีก มีรัชทายาทอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เฮ่อหลันเฟิงได้แต่ถือตราประทับที่อังไฟเอาไว้ตัวสั่น จิ้นเยวี่ยขอร้องเขา มองเขาอย่างหวาดกลัว ด้วยสายตาที่เหมือนมองคนแปลกหน้าไปเรื่อยๆ

    จิ้นเยวี่ยไม่ยินยอมจริงๆ สติสับสนวุ่นวาย จนเขาพึ่งสังเกตว่าคนตรงหน้าดูแย่กว่าเขาซะอีก มีบาดแผลมากมาย กลิ่นเลือดฉุนข้นขลัก ซีดเซียวราวกับจะล้มลงไปได้ทุกเมื่อ จิ้นเยวี่ยจึงรู้ว่ากว่าอีกฝ่ายจะมายืนอยู่ตรงนี้ และการขอให้รัชทายาทช่วยต้องแลกอะไรไปบ้าง

    เมื่อเฮ่อหลันเฟิงลงมือไม่ได้ หมอผีก็พุ่งมาทำแทนเอง เฮ่อหลันเฟิงได้แต่ตะลึงงัน มองเด็กหนุ่มกรีดร้องกับกลิ่นเนื้อไหมที่โชยออกมา จิ้นเยวี่ยล้มเข้ามาในอ้อมกอดเฮ่อหลันเฟิงด้วยความเจ็บปวด ก่อนเขาจะหันไปขอบคุณเทียนจวินที่ประทานตราให้

    เมื่อครู่หากหมอผีไม่เข้ามา เฮ่อหลันเฟิงทำไม่ลงจริงๆ เขาแทบจะปล่อยมือจากตราประทับแล้ว และอนาคตของทั้งตระกูลเฮ่อหลันและจิ้นเยวี่ยคงดับสิ้น แต่เมื่อเทียนจวินพอใจ สุดท้ายพวกเขาก็ถูกปล่อยตัวออกมา

    ต่อมาเขาก็รู้ว่าตราที่ประทับเป็นของรัชทายาท ไม่นานนักอีกฝ่ายก็มาตามทาสของตน ตอนนี้เขามีสิทธิ์ในตัวจิ้นเยวี่ยอย่างถูกต้องทุกอย่าง และไม่ได้ใจร้ายแยกสหายคู่นี้ออกจากกัน เขาเสนอให้เฮ่อหลันเฟิงไปทำงานองค์รักษ์ ส่วนจิ้นเยวี่ยอยู่กับเขามีโอกาสจะได้รู้ข่าวต่างๆของต้าอวี่ หรือถ้าทำผลงานที่เขาพอใจ วันหนึ่งเขาอาจจะปล่อยตัวได้กลับบ้านไปก็ได้

    เฮ่อหลันเฟิงไม่สน แต่จิ้นเยวี่ยสน รัชทายาทให้เวลาพวกเขาเก็บไปคิด

    หลังคนกลับไป เฮ่อหลันเฟิงพบว่าจิ้นเยวี่ยไม่ยอมเปลี่ยนผ้าพันแผล ถ้าเป็นแบบนี้แผลอาจจะอาการแย่ลงได้ เขาพยายามจะช่วยพันไหม แต่จิ้นเยวี่ยไม่ยอมและเบี่ยงตัวหนี จากนั้นเฮ่อหลันเฟิงก็พบว่าจิ้นเยวี่ยฉุนเฉี่ยว อีกฝ่ายยังมีอาการไม่ยินยอมเด่นชัด ความคิดหนึ่งผ่านขึ้นมา ยากจะมองข้าม เขาถามออกไป เจ้าโทษข้าอยู่หรือ โทษที่ข้าพามาเมืองหลวง โทษที่ข้าช่วยเจ้าออกมาไม่ทัน?

    หลังจากนั้นพวกเขาพูดคุยอะไรต่อก็ไม่ทราบ แต่รู้ว่าโต้เถียงกันรุนแรง โดยมีน้องสาวแอบฟังอยู่

    คือนั้นเยวี่ยเหลียนโหลว(พรรคหมิงเยี่ย)มาหา เขากลับมาจากส่งข่าวแล้ว พวกเขาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องระหว่างแคว้น ก่อนที่เยวี่ยเหลียนโหลวจะสังเกตเห็นผ้าพันแผล เขาแกะมันออกอย่างง่ายดาย ทั้งที่เมื่อกลางวันผ้านี้ทำให้จิ้นเยวี่ยกับเฮ่อหลันเฟิงทะเลาะกันอย่างหนัก จิ้นเยวี่ยรู้สึกว่าแผลนี้แสดงถึงความอัปยศ และทำให้เขานึกคำพูดร้ายกาจของเทียนจวินที่บอกว่าเขาเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง ถ้าต้องมองเห็นรอยแผลนี้เขาคงแตกสลายลงจริงๆ

    แต่เยวี่ยเหลียนโหลวกลับก้มลงจุมพิศมัน เขาบอกว่าแม่ทัพน้อยได้รับเหรียญเกีตรติยศของตัวเองแล้ว จากนั้นก็ให้ดูรอยแผลของตัวเองเหมือนกัน แบ่งปันเรื่องเจ็บปวดของกันและกัน

    วันใหม่ เฮ่อหลันเฟิงยังอารมณ์ไม่ดีและหาทางระบายไม่ได้ ส่วนสีหน้าจิ้นเยวี่ยดีขึ้นแล้วหลังได้การปลอบใจเมื่อคืน เขาเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน แต่จะพูดแบบไหนก็ไร้ความจริงใจ ยิ่งเมื่อเฮ่อหลันเฟิงจะยอมไปเป็นองค์รักษ์ของรัชทายาท ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายไปเพราะเขา ยินยอมผูกมัดตัวเองเพื่อเขา แต่เขาเองล่ะ

    สุดท้ายจิ้นเยวี่ยก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ถ้าตัวเองได้รับอิสระจะไม่มีวันคิดถึงที่แห่งนี้และเฮ่อหลันเฟิง ไปแล้วไม่มีย้อนกลับ เฮ่อหลันเฟิงเจ็บที่หัวใจ เขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องเลือกแบบนี้ แต่เมื่อได้ยินจิ้นเยวี่ยถามว่าตนหนีออกไป เฮ่อหลันเฟิงเป็นองค์รักษ์จะยิงตนเองไหม เฮ่อหลันเฟิงตอบออกไปอย่างทันทีไม่มีลังเลว่า ศรของข้าไม่มีวันเล็งไปที่เจ้าตลอดการ

    จิ้นเยวี่ยได้ยินแล้วอึ้งไป

    หลายวันต่อมาหลังเฮ่อหลันเฟิงไปรายงานตัวแล้ว เฮ่อหลันจินอิง(พี่ชายพระเอก)พึ่งกลับมาจากงานราชในวังหลวง เขาจึงพึ่งรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงที่น้องชายกลายเป็นราชองค์รักษ์ด้วย เวลานี้เขาเสียใจที่ช่วยจิ้นเยวี่ยในคราแรกแล้ว จิ้นเยวี่ยกล่าวขอบคุณแต่คำขอบคุณนี้โดนปฏิเสธ และบอกว่าไม่นานจิ้นเยวี่ยต้องเกลียดตนแน่

    ในเทศกาลมีคนวางเพลิง คนๆนั้นคือชาวเกาซินที่เป็นนางในดวงใจของเฮ่อหลันจินอิง(พี่ชายพระเอก) จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ หลังจากเรื่องนี้ทำให้จิ้นเยวี่ยได้รู้ใจตนเองว่าข้างในมีคนๆหนึ่งเข้ามาอยู่โดยไม่รู้ตัว แค่คิดว่าคนๆจะเป็นอันตรายเขาก็เจ็บปวด เฮ่อหลันเฟิงดีกับตนมากเหลือเกิน ยิ่งยามอยู่ในต่างแดนไร้ที่พึ่งพาแบบนี้ แต่เมื่อเทียบกับการกลับต้าอวี่ ตนเองเองเลือกกลับบ้าน

    เมื่อเทียนจวินรับรายงานก็โกรธมาก ชาวเกาซินที่เขาฆ่าล้างเผ่าไป4หมื่นกว่าคนยังเหลือรอดอยู่อีก เขาเริ่มคิดแล้วว่า เฮ่อหลันจินอิง(พี่ชายพระเอก)มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม ด้าน2คนที่พวกเขาพูดถึงอยู่ด้วยกัน จูเยี่ยไม่เสียใจที่ลงมือและพูดอย่างไม่เข้าใจเฮ่อหลันจินอิง เขามีสายเลือดของอ๋องเกาซินกลับผลัดวันล้างแค้นเรื่อยมา ชายหนุ่มไม่ตอบแต่ดูแลหญิงสาว หาที่ซ้อนให้เธอ

    เมื่อเฮ่อหลันจินอิงกลับมาเขาไม่ได้บอกที่ซ่อนของหญิงสาว และรับคำเตือนจากเทียนจวินและรัชทายาท น้องชายน้องสาวเจ้าอยู่ในมือพวกเรา จะหนีไปไหนได้ บางทีถ้าน้องชายของเขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดา เขาอาจกดดันน้อยกว่านี้ หลังจากนั้นเขาก็กลับบ้าน วันนี้น้องชายกับทาสชาวต้าอวี่ก็สนิทกันดีเหมือนเดิม เขาให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกไปและเล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องชายฟัง

    พ่อของพวกเขาเป็นอ๋องเกาซิน เป่ยหรงเทียนจวินฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพราะอยากได้เหมืองแร่และวิธีหลอมศรเกาซิน เรื่องนี้ตรงข้ามกับสิ่งที่เฮ่อหลันเฟิงเคยรู้โดยสิ้นเชิง เขาคิดว่าแคว้นจินเซียงเป็นคนทำ แล้วเป่ยหรงเทียนจวินเข้ามาช่วย รับดูแลชาวเกาซินที่เหลือรอด แต่ความจริงแล้วก็คือ เป่ยหรงเทียนจวินวางแผนมาเป็นอย่างดี ฆ่า4หมื่นคนเสร็จยังกักขังพ่อของพวกเขาไว้อยู่นาน จนหมอผีบอกว่าชาวเกาซินเหมือนเชื้อร้าย อยู่ใกล้ตัวไม่ดีเทียนจวิน ดังนั้นพ่อของพวกเขาจึงถูกปล่อยตัวไป

    จากอ๋องสู่คนยากไร้เร่ร่อน และได้พบหญิงที่นักดนตรีที่ตกระกำลำบากเหมือนกัน นางไม่ได้ตาบอดตั้งแต่แรก แต่เพราะถูกลักพาตัวมา จึงถูกทำลายดวงตาเพื่อให้ไร้ทางหนี ต้องลำบากอยู่นานกว่าจะหนีออกมาได้และกลายเป็นคนเรร่อน พ่อ พ่อของพวกเขา จากนที่คิดฆ่าตัวตาย ก็เปลี่ยนเป็นอยู่กินฉันสามีภรรยา ให้กำเนิดบุตร3คน

    จากนั้นเฮ่อหลันจินอิง(พี่ชายพระเอก)ก็บอกว่า ตอนนี้จะเป็นอ๋องรึเปล่าไม่สำคัญเพราะชาวเกาซินเหลือกันอยู่ร้อยกว่าคน และขอให้น้องชายจำไว้ว่าหมอผีเคยช่วยชีวิตพ่อของพวกเรา (โดนการบอกว่าเป็นกาลกิณีขังใกล้ตัวไม่ได้ ต้องไล่อออกไปนั้นแหละ) แต่หมอผีก็คือคนของเทียนจวินอยู่วันยังคำ ฝ่าบาทไม่ต้องการให้ชาวเกาซินที่เหลือรอดชีวิต แต่จะไปตามฆ่าคนหลักสิบ ใต้หล้ากว้างใหญ่ก็ยากไปหน่อย

    เขาก็เลยใช่วิธี ข่าวลืออยู่ไม่สู้ตาย ชาวเกาซินที่เหลืออยู่จะต้องเจอกับข่าวลือตัวกาลกิณีหมาป่าชั่วร้าย ไปที่ไหนก็โดนผู้คนรังเกียจใช้ชีวิตลำบากยากยิ่ง แคว้นเป่ยหรงเป็นแคว้นที่เชื่อเรื่องผีสาง ดังนั้นบางที่อาจลงมือฆ่าชาวเกาซินหรือผู้ที่มีลักษณ์คล้าย ครอบครัว3คนตรงนี้ก็ได้รับความลำบาก ถูกมองเป็นศัตรู ถูกเหยียดหยาม ถูกทำลาย เต็มไปด้วยความขมขื่นน่าเศร้า

    หลังจากที่ฟังเรื่องราวจบ พี่ชายก็บอกว่าตนไม่มีทางส่งหญิงในดวงใจคนนั้นออกไป แต่ก็ขอให้น้องชายไม่ต้องเป็นห่วง

    หลังฟังเรื่องราวจบเฮ่อหลันเฟิง(พระเอก)อึดอัดมาทั้งวัน เขาเอาเรื่องนี้มาระบายให้จิ้นเยวี่ย(นายเอก)ฟัง จากนั้นก็ถามคนตรงหน้าว่า จะไปดูบ้านเกิดของชาวเกาซินกับเขารึไม่

จิ้นเยวี่ยหนักใจ แต่เขาก็ตอบไปตามตรงว่าไม่ไป เฮ่อหลันเฟิงก็เข้าใจ เขาคิดไว้แล้ว

    สำหรับเรื่องนี้ พวกเขาจบเรื่องราวโดนให้จูเยี่ย หญิงงามชาวเกาซินแกล้งตายโดนขอความช่วยเหลือจากเยวี่ยเหลียนโหลว(พรรคหมิงเยี่ย)

    ด้านในเมืองที่มีตัวปลอมตายแทนก็จบเรื่องชาวเกาซินไปชั่วคราว ด้านตัวจริงกำลังหลบหนีเข้าป่าไปพร้อมกับจิ้นเยวี่ย เฮ่อหลันเฟิงและเยวี่ยเหลียนโหลว(พรรคหมิงเยี่ย) พวกเขากำลังเดินทางไปที่เขาเซวี่ยหลางบ้านเกิดของเผ่าเกาซิน

    หลังได้คุยกับเยวี่ยเหลียนโหลว ตอนนี้มีข่าวของแคว้นต้าอวี่แล้ว ผู้ที่วางแผนเล่นงานท่านพ่อนของเขาอาจจะเป็นราชครู ส่วนองค์ชายต้องการช่วยเขากลับต้าอวี่เพื่อให้เขาไปยืนยันความชั่วร้ายของราชครู ใช่จุดนี้เป็นเครื่องมือถอดถอนอีกฝ่ายได้

    ตอนที่เฮ่อหลันเฟิงขึ้นมาล่ากระต่ายได้พบกับหมาป่าเฒ่า อาศัยจังหวะที่จิ้นเยวี่ยขี่ม้ามาช่วย เฮ่อหลันเฟิงก็สามารถฆ่าหมาป่าได้ เขายังพูดว่าจะสอนจิ้นเยวี่ยใช่ดาบ ราวกับลืมไปว่าอีกฝ่ายจะกลับต้าอวี่ในสักวัน ครั้งนี้เขายังก้มตัวจูบหูของจิ้นเยวี่ยด้วย จิ้นเยวี่ยไม่แน่ว่านี่หมายถึงอะไรแต่เขาก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้

    เยวี่ยเหลียนโหลว(พรรคหมิงเยี่ย)ที่กลับมาพอดี เห็นนเขาหน้าแดงก็นึกสนุกเสียมอยู่ข้างๆว่าชายกับชายก็ทำกันได้ เจ้าไม่รู้หรือ แน่นอนว่าจิ้นเยวี่ยรู้ ในงานเทศกาลผู้คนมากมาย เขาเคยเดินไปที่ตรอกนายโลมครั้งหหนึ่ง

    แล้วพวกเขาก็มาถึงเขาเซวี่ยหลาง ที่นี้มีกลิ่นอายของความคึกคัก และมีเหมืองตีเหล็กที่โดนยึดไป ที่นี่ห่างไกลจากเมืองหลวง ดังนั้นมีชาวเกาซินรวมตัวกันอยู่ไม่น้อย เฮ่อหลันเฟิงดีใจมากที่ได้เห็นผู้คนจากเผ่าตนเองแต่ขณะเดียวกันเขาก็กลัว

    ความกลัวของเขาถูกต้องแล้ว เมื่อชาวเกาซินพวกนี้รู้ว่าเขาเป็นลูกชายของใคร พวกเขาก็ถ่มน้ำลายไม่ต้องรับ เพราะพ่อของเขาเปิดโอกาสให้เป่ยหรงเข้ามาทำลายเกาซิน และเพราะพ่อของเขาทำให้เกิดตำนานบ้าบออย่างเผ่ากาลกิณี จนชาวเกาซินไม่มีที่ยืนในแผ่นดิน พวกเขาทุกคนอยู่กันอย่างลำบาก

    หลังถูกไล่ออกมาจูเยี่ยก็เขามาแนะนำวิธี จะทำอย่าง พี่ชายของเขาคือเอาชนะทุกคน หรือไปจุดไฟบนเขากวางเหล็กสัญลักษณ์ที่ตั้งแต่กาซินสิ้นชาติก็ไม่เคยถูกจุดขึ้นมาอีก หลังลองหาทางอยู่สักพัก เฮ่อหลันเฟิงก็ใช่ศรเกาซินยิงออกไปเพื่อจุดไฟ และก็สำเร็จ เขากวางติดไฟขึ้นมาแล้ว กวางเหล็กไม่ได้ดูไร้ชีวิตและเย็นเยียบอีก มันราวกับลืมตาขึ้นมาด้วยไฟลุกโชน

    ชาวเกาซินพากันโห่ร้อง ขณะที่ทหารชาวเป่ยหรงในเมืองอึ้งกับเรื่องตรงหน้า

    ที่ยอดเขาเฮ่อหลันเฟิงสารภาพรักกับจิ้นเยวี่ยแล้วจูบลงมา คราแรกจิ้นเยวี่ยตะลึงแต่ต่อมาก็ไม่ได้ปฏิเสธ หลังพูดคุยกันอย่างหวานชื่น จิ้นเยวี่ยก็ยอมรับแล้ว บ้านยังคงต้องกลับไป แต่เรื่องชอบก็คือชอบห้ามกันไม่ได้ ดูเหมือนเขาเองก็ชอบเฮ่อหลันเฟิงเหมือนกัน

    จิ้นเยวี่ยยิ่งซึ่งใจขึ้นไปอีกเมื่อเฮ่อหลันเฟิงบอกว่าจะกลับต้าอวี่ไปกับเขา

    ก่อนที่จะเดินทางกลับ จูเยี่ยมอบธนูฉินเยวี่ยให้เฮ่อหลันเฟิง มอบความหวังของชาวเกาซิน ที่ต้องการสังหารเป่ยหรงเทียนจวินไว้กับเขา

    หลังออกเดินทาง พวกเขาก็พบคณะทูตจากแคว้นจินเซียง ผู้มาเป็นแม่ทัพสี่ คนผู้นี่แต่เดิมเป็นชาวต้าอวี่ที่ทรยศบ้านเมือง ไปเข้ากับฝ่ายศัตรู

    หลังจิ้นเยวี่ยถูกยั่วโมโหเขาก็ถูกเฮ่อหลันเฟิงพาไปสงบสติอารมณ์ และได้รู้จากเฮ่อหลันจินอิงที่หลังว่า ท่านพ่อของเขาถูกกระบี่แทงจากข้างหลัง เป็นทหารส่วนตัวที่ทรยศ กระบี่เดียวทะลุอกตายคาที่ จิ้นเยวี่ยฟังแล้วเจ็บแค้น เขาขอให้พรรคหมิงเยี่ยที่เป็นสหายของท่านพ่อนำข่าวนี้ไปสืบความจริงต่อไป

    ด้านเยวี่ยเหลียนโหลว(พรรคหมิงเยี่ย)เขาลอบเข้าไปสืบในกระโจมของทูตแคว้นจินเซียง กลับพบแม่ทัพหญิงของต้าอวี่ที่หายตัวไป เธอโดนยาสลายพลัง ล่ามโซ่คุมขัง และกำลังท้อง แต่เมื่อพบชาวต้าอวี่ก็ขอให้เขาช่วยเหลือ ตามหาเด็กคนหนึ่งให้ที

(จบเล่ม1)

Ad Code

Responsive Advertisement