บทที่ 3
การสัมภาษณ์ของสถานีทีวีไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
คงเพราะเป็นตัวแถมที่เข้ามาให้ครบๆไม่มีฝีมือไม่เป็นไรแต่ถ้ามาช่วยขายขำได้ยิ่งถือว่าดีเข้าไปใหญ่
ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่มุนแดคิดไว้แล้ว ขอแค่มีชื่อเข้าแข่งด้วยก็พอ
แต่วันบันทึกครั้งแรกเร็วกว่าที่คิดไว้มาก นั่นก็คือ 10 วันข้างหน้า
ดูเหมือนต้องวางแผนเรียกความสนใจให้ดีซะแล้ว
การถ่ายทำวันแรกมาถึง การประเมินรอบที่ 1 คือการประเมินแบบรายบุคคลซึ่งทางรายการจะกำหนดระดับแบบชั่วคราวให้ผ่านการประเมินของคณะกรรมการ
ภาพลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นครั้งแรกในวันนี้เป็น มีโอกาสสูงที่จะเป็นภาพจำไปจนจบรายการ
ดังนั้นควรจะหาจุดเด่นให้กับตัวเอง แน่นอนว่ามันยังขึ้นอยู่กับแนวทางการตัดต่อภายหลังของทีมงานด้วย
เมื่อมาถึงสถานที่ถ่ายทำ มุนแดก็รู้สึกเก่อเขินไม่น้อย
คนอายุ 29 จะต้องมาแอ๊บอยากเป็นไอดอลอย่างนั้นหรอเนี่ย
ถึงแม้ว่าร่างนี้จะอายุ 20 ก็เถอะ(ตอนแรกเข้าใจผิด พอรู้ว่าย้อนเวลากลับมาเลยเป็น20)
ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ก็ยังเป็นเด็กๆม.ปลายอยู่ทั้งนั้น
ตอนนั้นเองมีเด็กคนนึงเข้ามาทักทายช่วงแรกยังเป็นมิตรดีอยู่ แต่เมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนธรรมดา
ไม่ใช่เด็กฝึกที่มีต้นสังกัดสนับสนุน ความจริงใจก็หายวับและเดินไปพูดคุยกับคนอื่นต่อ
มุนแดไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กแค่นี้จะรู้จักเล่นการเมือง หาสมัครพรรคพวกแล้ว
เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดจริงๆ แฮะ
ด้านหน้าเวทีประเมิน
ผู้เข้าร่วมอีเซจินBได้อันดับ 15
เขาเปล่งประกายที่สุดจากเด็กฝึกค่ายเดียวกัน เป็นคนที่สามารถให้กล่องติดตามไว้ได้
แต่ทีมผู้ผลิตก็ยังไม่พอใจนัก พวกเขาต้องการวัตถุดิบมากกว่านี้
เนื่องจากรายการซีซั่นที่แล้วออกมาย่ำแย่เละเทะเกินไป
ทำให้ครั้งนี้รายการขาดคนที่มีศักยภาพ มาเข้าร่วมแข่งขัน
ขาดความโดดเด่นที่จะดึงดูดสายตาผู้คนเอาไว้ได้ นอกจากอีพีแรกที่มีคนดูนิดหน่อย
อีพีต่อๆมาก็จะมีแต่เสียงด่าเท่านั้นแหละ
เด็กที่พอเข้าท่าก็มีเยอะอยู่หรอก
แต่ไม่ได้มีศักยภาพเป็นพิเศษ ไม่สามารถเป็นเรื่องราวของตัวเอกแห่งการเติบโตได้
PDคิดขณะที่มุนแดเดินขึ้นเวทีไป
นี่คือเด็กที่เธอเอามาเสียบแบบรีบๆเพราะเหลือเวลาอีก 10 วันจะเริ่มถ่ายทำ
หน้าตาและเสียงพอใช้ได้ แต่ออร่าธรรมดา ไม่มีจุดขายอะไรนอกจากเรื่องของครอบครัว เธอหวังว่าเขาจะทำเวทีพังหรืออะไรตลกๆ
จะได้เอามาเป็นจุดขายของรายการได้ เมื่อคิดแบบนี้เธอก็เริ่มเฝ้ามองอย่างกระตือรือร้น
ที่หน้าเวที มุนแดเริ่มแนะนำตัว ความไม่ประหม่าและสุขุมของเขาช่างเป็นเอกลักษณ์
จนคณะกรรมการรู้สึกสนใจเขาอยู่บ้าง เขาดูขาดความกระตือรือร้นเกินไป ไม่น่าใช่คนที่สนใจมาเป็นไอดอลสักนิด
และไม่ได้บอกสาเหตุที่เข้าร่วมรายการไว้ด้วย คณะกรรมการมองว่าขายแอร์ไทม์ตรงนี้ได้
พวกเขาก็ขอดูการแสดง
จากนั้นก็ต้องรู้สึกแปลกใจกับเมโลดี้ที่ดังขึ้น ทำไมถึงได้ใช้เพลงนี้ล่ะ?
Social Plugin