ต่อจากเล่ม4 ขณะที่พวกกำลังฝึกคัดอักษร ฮวาเฉิงก็เกิดความผิดปกติขึ้น
ดูแล้วท่าทางเจ็บปวดสาหัสแต่พยายามอดกลั้นไว้ เซี่ยเหลียน(นายเอก)คิดจะเข้าไปหา แต่โดนฮวาเฉิง(พระเอก)ห้ามไว้ ภายนอกเหล่าผีทั้งหลายต่างร้องครวญครางกันระงม ชีหรงสิงร่างมนุษย์อยู่จึงไม่เป็นไร เขาพากู่จื่อ(ลูกชายของร่างนี้)หนีออกจากอารามเชียนเติงไป
ครั้นเซี่ยเหลียนจะออกไปหยุดก็โดนกอดไว้จากข้างหลัง ฮวาเฉิงสติเลอะเลือนแล้ว เขาขอร้องให้เซี่ยเหลียนอย่าไปไหนก่อนจะเริ่มจูบถ่ายพลังเวทที่ล้นจนเจ็บปวดออกไป การบังคับถ่ายพลังแบบนี้เซี่ยเหลียนออกจะรับไม่ไหวอยู่บ้าง เมื่อผลักปฏิเสธฮวาเฉิงก็ไม่บังคับเข้ามาอีก แต่เป็นเซี่ยเหลียนเองที่สังเกตุว่าหากปล่อยไว้จะเกิดอันตราย เขาจึงเข้าไปประคองหน้าอีกฝ่ายไว้ แล้วทาบริมฝีปากลงไปเอง ค่อยๆดูดกระแสปานทิพย์ที่ล้นเหลือนั้นออก
ฮวาเฉิงกอดเอวเขาไว้แน่นเช่นกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มกลิ่งไปทางโต๊ะบูชา จากสถานที่เซ่นไหว้เทพเจ้ากลายเป็นสถานที่หนึ่งคนหนึ่งผีทอดร่างกอดจูบลูบคล่ำ จริงอยู่ว่าเหลวไหลแต่ก็งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ
ครั้งสองครั้งแรกยังเรียกว่ามีสติทั้งสองฝ่าย มีเหตุผลให้ทำ(เหตุการณ์ช่วงพรายกาฬกับเทพวายุ)แต่ครั้งนี้คนหนึ่งเลอะเลือนอีกคนจำใจ แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยเหลียนก็มั่นใจว่าทุกครั้งล้วนมีความปรารถนาที่เขาไม่อาจห้ามรวมอยู่ด้วย ผ่านไปค่อนคืนฮวาเฉิงก็ฟื้นขึ้นมา
เซี่ยเหลียนได้รู้ข่าวจากราชาผีว่า บรรพตถงหลูเปิดออกอีกครั้งแล้ว (สถานที่หลอมผีหมื่นตนจนกำเนิดราชาผี) ราชาผีตนใหม่กำลังจะถือกำเนิด
เซี่ยเหลียนไปประชุมที่ตำหนักเทพ บรรพตถงหลูเปิดแล้ว ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เหล่าเทพต้องขัดขวาง แต่ขณะเดียวกันบรรดาผีสางที่เคยจับกุมต่างหลุดออกมาจากที่ผนึก เหล่าเทพต่างก็ต้องออกไปตามจับ
เซี่ยเหลียนกับเทพฉีอิง(เทพบู๋ที่ไปทุบตีผู้ศรัทราของตนตอนดูงิ้ว เทศกาลโคม) ถูกสั่งให้ไปตามหาเซียนเสื้อแพร(ผีตนหนึ่งที่เคยเกือบเป็นเซียนมีรูปลักษณ์เป็นเสื้อแพร) และด้วยความช่วยเหลือของฮวาเฉิง เขาก็ตามไปถึงโรงงานย้อมเสื้อผี เก็บเสื้อที่มีไอผีมาได้98ตัว แต่แล้วขณะหาว่าตัวไหนเป็นเสื้อแพรผีที่แฝงตัวอยู่ มันก็แสดงรูปลักษณ์สมัยมนุษย์ให้เขาเห็นก่อนหนีไป
เซี่นเหลี่ยนติดต่อไปถึงหลิงเหวิน(หัวหน้าเทพบุ๋น)ให้ส่งคนมารับของ แต่นางกลับเดินทางลงมาด้วยตนเอง ทั้งที่ปกติงานในตำหนักยุ่งมาก ช่วงนี้ยิ่งต้องวุ่นวายถึงขีดสุดแท้ๆ เซี่ยเหลียนยังลอบทดสอบอีกหลายอย่าง จนได้ข้อสรุปว่า หลิงเหวินคือผู้สร้างเซียนเสื้อแพรขึ้นมา และคิดจะนำมันกลับไป
เขาจับตัวเธอไว้ได้และพากลับอารามผูฉีของตน หลิงเหวินภายนอกดูให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นางว่าเทพบุ๋นอย่างไรก็สู้เทพบู้ไม่ได้ แต่ก่อนส่งกลับสวรรค์ขอนางอยู่กับเซียนเสื้อแพรตามลำพังสักครู่ เซี่ยเหลียนเองก็ให้เวลาพวกเขา ตามตำนานว่าเซียนเสื้อแพรโดนหญิงที่รักฆ่า ดูเหมือนหญิงคนนั้นคงจะเป็นหลิงเหวิน เขาที่เป็นคนนอกไม่รู้ความจริงก็ไม่คิดจะขุดคุ้ย
เซี่ยเหลียงออกมาหาหลางอิ๋ง(เด็กปริศนาที่เคยเป็นโรคใบหน้า)พร้อมชวนเขาคุย หลายวันมานี้อีกฝ่ายแปลกไปอย่างมาก และก็ใช่จริงๆ นี่คือฮวาเฉิงปลอมตัวมานั้นเอง ระหว่างกินข้าวก็มีนักพรตกลุ่มใหญ่เข้ามาตามหาฮวาเฉิง หลิงเหวินอาศัยจังหวะนี้หนีไปโดยมีเทพฉีอิงตามไปด้วย
อารมผูฉีพังแล้ว เขากับฮวาเฉิงออกเดินทางต่อ ตอนนี้ฮวาเฉิงตัวเล็กลงอีกแล้ว จากเด็ก15-16 เหลือเพียง11-12เท่านั้น เมื่อถาม เจ้าตัวก็บอกเป็นแผนขัดตาทัพช่วงที่บรรพตถงหลูกำลังจะเปิด เซี่ยเหลียนรู้สึกแปลกใหม่และสนุกมาก แต่ต่อมาเขาก็ได้รู้ว่าฮวาเฉิงเกลียดร่างนี้ของตนที่สุด
อาจเพราะความคิดความอ่อนไหวแปรปวนตามร่างกาย ฮวาเฉิงพูดความรู้สึกออกมา ต่างจากปกติที่เก็บงำ เขาไม่ชอบสภาพนี้ของตนเองที่สุด มันอ่อนแอไร้ประโยชน์ เขาต้องแข็งแกร่งกว่าทุกคนเพื่อที่จะ... เซี่ยเหลียนรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูอ่อนล้าอยู่ในที ก็ปลอบโยนว่า ครั้งนี้ถือว่าให้เกียรติเขา ให้เขาได้ปกป้องอีกฝ่ายบ้างสักครั้ง จนในที่สุดฮวาเฉิงก็ยอมรับคำพูดนี้
เมื่อผ่านเมืองเล็กแห่งหนึ่ง เซี่ยเหลียนสนุกกับร่างใหม่นี้มาก พาเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเหมือนคุณชายน้อยน่ารักคนหนึ่ง ส่วนตนเองก็เปลี่ยนไปใส่ชุดผู้หญิง หนีนักพรตกลุ่มเดิมที่ตามไม่หยุด ต่อมาพวกเขาก็เข้าไปในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง เป็นโรงเตี้ยมผี
ในโรงเตี้ยมนี้ถือเป็นแหล่งรวมความวุ่นวายจริงแท้ กลุ่มนักพรตเข้ามาค้นหาคน สั่งอาหารเสร็จก็ตำหนิว่าจานชามล้างไม่สะอาด อาหารดูน่าเกลียดเปลี่ยนจานไปทำมาใหม่ เสี่ยวเอ้อร์ตอบรับงกๆแต่ยังดูยิ้มแย้มมาก ก่อนที่นักพรตจะถามข่าวว่า มีสตรีประหลาดพาเด็กมาพักหรือไม่ เสี่ยวเอ้อร์ตอบมี พวกเขายกขโยงกันไปหน้าห้องก่อนถูกด่าฉากใหญ่ หญิงคนนั้นคือหลานชาง(ผีสาวแม่ของผีลูกกรอก)
กลุ่มนักพรตหนีมาตั้งหลัก รอบนี้เขาถามใหม่ว่ามีนักพรตเข้ามาพักรึไม่ เสี่ยวเอ้อร์ชีไปอีกทาง ตรงนั้นมีนักพรตจริงๆแต่ไม่ใช่เซี่ยเหลียนที่พวกเขาตามหา สุดท้ายได้แต่กลับมานั่งรออาหารจานใหม่ เซี่ยเหลียนละสายตาไปทางครัวเจอชีหรงที่หนีไปก่อนหน้านี้ เจ้าตัวเป็นคนลงมือทำอาหารสยอง คิดจะให้พวกนักพรตได้กินอาหารคนตายแล้ว ขณะด่าว่านักพรตพวกนี้เรื่องมาก ก็ไม่ลืมว่ากระทบอาหารของเซี่ยเหลียนไปด้วย
อาหารจานใหม่ออกมาเสิร์ฟ รอบนี้นักพรตเกือบได้กินเนื้อคนแล้วจริงๆ เซี่ยเหลียนจึงใช้ลูกเล่นเปิดเผยว่าเสี่ยวเอ้อร์เป็นผี เห็นแบบนี้นักพรตก็เริ่มจับผีทันที ข้างล่างวุ่นวายหนัก เซี่ยเหลียนคิดจะอาศัยจังหวะนี้ไปจับกุมหลานชาง(ผีสาวแม่ของผีลูกกรอก) แต่แล้วเขาก็เจอกับฝูเหยาที่ตามเข้ามาจับตัวผีสาวเช่นกัน แน่นอนว่าผีลูกกรอกไม่ยอมโดนจับ สู้กันจนวุ่นวาย
ผีเสี่ยวเอ้อร์ด้านล่างขายชีหรงเอาตัวรอดแล้ว เซี่ยเหลียนกลัวกู่จื่อ(เด็กมนุษย์ ลูกชายของร่างกายที่ชีหรงสิงอยู่)จะเป็นอันตราย จึงวิ่งไปหาชีหรงที่อยู่ในครัว เขาช่วยกู่จือได้ แต่ตอนนั้นเองที่ผีประทะเทพด้านบนก็พากันลงมาเปิดศึกด้านล่างที่มีนักพรตมุ่งอยู่ วุ่นวายขึ้นไปอีก
ชีหรงที่ถูกตีหมดสภาพ รีบตะโกนย้ายความสนใจไปทางฮวาเฉิง นักพรตย้ายสายตาไปจริงๆ แต่พวกเขาไม่กล้าเข้าไปอย่างที่ปากโวยวายมาตลอดทาง ขณะยึกยักตัดสินใจกันอยู่ โรงเตี้ยมก็พังครืน ฝูเหยาโดนทับไปรอบหนึ่งก่อนจะไปตามจับผีสาวและวิญญาณลูกกรอกต่อ ตอนนั้นเองที่เฟิงซิ่น(เทพบู๋ อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาเซี่ยเหลียน)ก็ติดต่อมาในกระแสจิต
เมื่อหลิงเหวินทรยศสวรรค์ เบื่องบนที่วุ่นวายอยู่แล้วยิ่งเละเทะกันไปใหญ่ ทั้งยังมีเรื่องของมู่ฉิง (เทพบู๋ อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาเซี่ยเหลียน แม่ทัพของฝูเหยา) ที่หนีออกมา เดิมทีเขาโดนคุมตัวอยู่เพราะผีลูกกรอกชี้ตัวว่าเขาเป็นคนใช้มนตร์ดำ เมื่อผีสาวและลูกกรอกหนีออกมา เขาจึงตามออกมาสืบความจริง
คุยกับเฟิงซิ่นไปไม่เท่าไร ฝูเหยาก็เรียกเขา เซี่ยเหลียนจึงได้แต่ตัดการเชื่อมต่อแล้วกลับมาจัดการเรื่องตรงหน้า เขาเจรจากับฝูเหยาเพราะต้องการให้มู่ฉิงกลับไปจัดการเรื่องนี้อย่างเปิดเผย ฝูเหยาไม่ยอมทั้งยังยกเรื่องที่เซี่ยเหลียนกับแม่ทัพของเขามีปัญหาไม่ลงรอยกันขึ้นมาพูดด้วย
เซี่ยเหลียนเองก็ยอมรับว่า มู่ฉิงนั้นใจแคบชอบคิดเล็กคิดน้อย ถุยน้ำลายใส่แก้วชาคนที่ไม่ชอบได้ แต่ไม่ถึงกับวางยาคนอื่นแน่นอน ฝูเหยาท่าทีอ่อนลง แต่ทันใดนั้นชีหรงก็เข้ามาทำให้วุ่นวายขึ้นไปอีก เขาเปิดโปงผีสาวหลานชางขึ้นมาว่าเคยเป็นท่าหญิงของแคว้นเซียนเล่อ พร้อมทั้งเยาะเย้ยต่อว่าคนที่เวลานั้นเป็นหนึ่งในตัวเลือกพระชายา ตอนนี้กลับเป็นนางคณิกาให้ผีชั้นต่ำไปแล้ว
เซี่ยเหลียนตะลึงนางเปลี่ยนไปมากจนเขาจำไม่ได้เลย ขณะที่ถอดถอนใจ ฮวาเฉิงก็กุมมือให้กำลังใจเขา
ส่วนผีสาวหลานชางที่ถูกหยาม ก็ปรีเข้าไปทุบตีชีหรง เนื่องจากผีเขียวถูกรั่วเย่(อาวุธ/แพร)มัดอยู่จึงโต้ตอบไม่ได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงโวยวายเท่านั้น ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นก็ตามรอยเซี่ยเหลียนจนพบ เขาตามมาด้วยความเป็นห่วงที่กระแสจิตถูกตัด ก่อนที่ผีลูกกรอกจะโจมตีเขา
หลังจัดการผีลูกกรอกแล้ว เฟิงซิ่นก็พบว่าผีหลานชางคือคุณหนูเจี้ยนหลาน เธอเปลี่ยนไปมากจนเขาจำไม่ได้ ขณะที่คนกำลังทุ่มเถียงเรื่องใครคือพ่อเด็กและชีหรงกำลังกวนน้ำให้ขุ่นอยู่นั้น หมื่นผีปั่นป่วนขึ้นอีกระลอก ทั้งผีสาวและชีหรงต่างหนีไปคนล่ะทาง เซี่ยเหลียนต้องดูแลฮวาเฉิงจึงไม่ได้ไล่ตามอีก
กลางความสบสน เฟิงซิ่นดูจะโมโหไม่น้อย เซี่ยเหลียนรู้สึกได้ว่าความโกรธานี้พุ่งเป้ามาที่ตน แต่เฟิงซิ่นก็โดนฮวาเชิงแดกดันกลับไป เขาหันไปหาคำอธิบายเรื่องลูกเมียกลายเป็นผีกับฝูเหยา แน่นอนว่าโดนด่ากลับมา สุดท้ายเขาก็กลับขึ้นสวรรค์ไป
เซี่ยเหลียนปล่อยตัวฝูเหยา ทั้งยังบอกด้วยว่า สวรรค์คงวุ่นหนักขึ้นไปอีก อย่าพึ่งกลับไปเลยดีกว่า แล้วพวกเขาก็แยกย้ายกัน
เซี่ยเหลียนรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไร ตั้งแต่เหตุเก่าที่แคว้นตนล้มสลาย ประชาชนลําบากยากเข็ญ มาวันนี้เขาก็รู้สึกว่าตนเองไม่ได้ใส่ใจคนอื่นเพียงพอ เขาไม่เคยรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสหายสนิท ทั้งที่ตัวเองได้รับการดูแลอยู่ตลอด แต่ฮวาเฉิงก็พูดกับเขา หนทางจะเดินสะดวกหรือไม่ ข้าอาจจะกำหนดไม่ได้ แต่จะเดินหรือไม่นั้น กลับอยู่ที่ข้าล้วนๆ
คำพูดอหังการเช่นนี้ทำให้เซี่ยเหลียนหัวเราะออกมา
คืนนั้น จวินอู๋ได้ลงมามอบภารกิจให้เซี่ยเหลียนไปปราบผีที่บรรพตถงหลู เมื่อออกเดินทางมาแล้วฮวาเฉิงเตือนให้เซี่ยเหลียนระวังตัวจากจวินอู๋ไว้ด้วย ทุกครั้งที่เขามอบภารกิจมา ไม่เคยเป็นเรื่องดีเลย
ปากทางเข้าบรรพตถงหลู หนทางอีกยาวไกล แต่มีผีเดินทางไม่ขาดสาย ขณะที่ผีๆพูดคุยก็เริ่มมีคนกวนน้ำให้ขุ่น บอกว่ามีขุนนางเทพแฝงตัวอยู่ เพียงครู่เดียวเซี่ยหลียนก็ถูกเพ่งเล็ง มารดาบไวฉวยจังหวะฆ่าผีระดับล่างไปมากกว่า400ตน และหมายจะจัดการเซี่ยเหลียนด้วย แต่ก็ถูกคนสูงใหญ่หน้าตาธรรมดาเข้ามาสังหารจนตัวขาดซะก่อน
คนผู้นี้ช่วยเซี่ยเหลียนเสร็จก็ย่อตัวไปช่วยผีสาวที่สลบอยู่ น่าเสียดายเมื่อนางฟื้นขึ้นมาก็กรี๊ดแล้วหนีไป
แม่ทัพเผยงงไม่น้อย ใบหน้าปลอมของเขาก็หล่อเหลานี่น่า ทำไมถึงหนีไปเล่า เขาได้รับคำสั่งจากจวินอู๋ให้มาช่วยเซี่ยเหลียน แต่เมื่อคุยกันก็รู้สึกผิดปกติ มารดาบไวเมื่อกี้แกล้งตาย!
ศัตรูมาแล้วแต่สถานการณ์กลับไม่เป็นผลดีกับเซี่ยเหลียนเลยสักนิด ฮวาเฉิงกำลังจะคืนร่างเดิมกะทันหัน อยู่ในช่วงอ่อนไหวมาก เซี่ยเหลียนต้องคุ้มกันเขา แม่ทัพเผยออกไปสู้กับมารดาบไว ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายคือดาบที่หักไปแล้วของเขาสมัยเป็นมนุษย์ ฝีมือที่ทัดเทียมกันไม่อาจตัดสิน เซี่ยเหลียนจึงต้องใช้ฟางซิน(อาวุธ/กระบี่)ตั้งข่ายเวทขัดตาทัพ
หากไม่มีปัจจัยอื่นมันคงต้านไว้ได้ แต่วันนี้ก็เหมือนวันรวมญาติ ศัตรูเก่าของพวกเขาพากันตรงมาที่บรรพตถงหลู แม่ทัพเค่อหมัว(ผีแม่ทัพจากเล่ม1)ก็ตรงมา แม้ตอนแรกจำไม่ได้ แต่ไม่นานเขาก็จำศัตรูเก่าของตนเองได้ทันที หลังเซี่ยเหลียนหลอกล่ออยู่นานเค่อหมัวก็วิ่งไปตามหาเผยซิ่วและปานเยว่ทางอื่น
คู่ต่อสู่เหลือหนึ่งเท่านั้นแต่กลับยากลำบากไม่น้อย สุดท้ายเอ้อมิ่ง(อาวุธ/ดาบโค้ง)ก็ได้ออกโรง มันเข้าปะทะกับมารดาบไว ทั้งยิ่งเมื่อโดนชมเอ้อมิ่งยิ่งร้ายกาจ แม่ทัพเผยที่รบชนะทั้งศึกทหารและศึกบนเตียง จัดการเอาเอ้อมิ่งมารับจูบกับริมฝีปากเซี่ยเหยียน จนเอ้อมิ่งฮึดสู้เต็มที่
จังหวะนั้นเองเค่อหมัวก็กลับมา เขาจัดการจนข่ายเวทพัง แต่เซี่ยเหลียนไม่ร้อนใจเลย เพราะกำลังเสริมที่คาดไม่ถึงมาแล้วจริงๆ เผยซิ่วและปานเยว่ติดตามเทพพิรุณมา เมื่อได้ยินเสียงพวกเขาจึงเข้ามาช่วย
ฝั่งหนึ่งตีกันให้วุ่นวาย แต่เซี่ยเหลียนกลับสนใจฮวาเฉิง เขาควรจะจูบ..ควรจะช่วยอีกฝ่ายปรับพลังหรือไม่ ถึงจะเพราะความจำเป็น แต่เขาก็ไม่กล้าจึงหลับหูหลับตาจูบลงไป ซึ่งโดนเพียงหน้าผากเท่านั้น แม่ทัพเผยที่ยืนว่างอยู่ข้างๆยังแนะนำอีกว่า ท่านกะผิดแล้ว! เซี่ยเหลียนอายจนโกรธอย่างที่เป็นไม่บ่อย
ผี2ตัวถูกจับผนึกอยู่ในไห และพวกเขาก็ได้รู้ว่า มารดาบไวคือผีรองแม่ทัพหรงกวงที่เข้ามาสิงอยู่ในดาบหมิงกวงของแม่ทัพเผย ศึกครั้งสุดท้ายในชีวิตแม่ทัพเผยคือปราบกบฏ ตอนนั้นเหล่ารองแม่ทัพต้องการปลดฮ่องเต้แล้วดันเขาขึ้นแทน แต่ตัวเขาไม่ได้มีความคิดแบบนั้น สุดท้ายแม่ทัพเผยต้องฆ่าอดีตเพื่อนร่วมรบของตนเพื่อปกป้องฮ่องเต้ แต่กลับถูกสั่งประหาร อย่างสุภาษิตที่ว่าเสร็จศึกฆ่าแม่ทัพ สุดท้ายเขาจึงหักกระบี่ตนแล้วบรรลุเป็นเทพ
สุดท้ายคนกลุ่มนี้ก็เดินทางไปด้วยกัน หลังได้พูดคุยกันมากขึ้นก็รู้สึกเข้าใจกันไม่น้อยทีเดียว ขณะทำอาหารฮวาเฉิงก็ฟื้นขึ้น เขาโตขึ้นเล็กน้อย จาก10ขวบเป็น14-15แล้ว เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาแจ้งว่ามีอันตรายจากตะวันออก แนะให้ไปตะวันตก พวกเขาก็ขยับตัวหาที่พักใหม่กันตามคำแนะนำ ระหว่านั้นเจอผีที่หนีตายอยู่ และศพของผีที่หนีตายไม่ทัน
ตอนนี้ศึกในบรรพตถงหลูดุเดือดขึ้นเรื่อยๆแล้ว
และพวกเขาก็หาที่พักกันได้ ปานเยว่นำอาหารที่ตนฝึกทำกับเซี่ยเหลียนออกมา ภายในไห่นั้นเป็นภาพที่เกินบรรยาย แม่ทัพเผยและเผยซู่พูดไม่ออก เซี่ยเหลียนชื่นชมปานเยว่ขณะที่แม่ทัพเผยโวยวายออกมา แต่สำหรับฮวาเฉิง องค์ชายของเขาทำอะไรออกมาก็ดีหมด เขาจึงชื่นชมและกินเข้าไปท่ามกลางสายตาของแม่ทัพเผย2คน
เสี่ยวเผยเห็นผู้กล้าเพื่อความรักเปิดนำแล้ว เขาก็ตักตามบ้าง อย่างไรนี่ก็เป็นการทำอาหารครั้งแรกของปานเยว่ เขาจะไม่กินได้ยังไง แล้วก็มีคนสังเวยชีพเพื่อความรักไปอีกหนึ่ง แถมแม่ทัพน้อยคนนี้ การฝึกฝนยังอ่อนด้อยกว่าราชาผีมาก เกือบสู่ขิตไปแล้วจริงๆ
ระหว่างที่แม่ทัพเผยกำลังโวยวายกู้ชีพลูกหลานของตนเองอยู่ เซี่ยเหลียนก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้คุยกับฮวาเฉิงถึงบรรพตถงหลู เซี่ยเหลียนจึงได้รู้ว่าที่นี่คืออดีตแคว้นโบราณเมื่อ2,000ปีที่แล้ว ชื่อว่าแคว้นอูยง
ทั้งๆที่ไม่มีที่ไหนหลงเหลือบันทึกอยู่แล้ว แต่สมัยเซี่ยเหลียนเป็นรัชทายาทกลับเคยได้ยินชื่อนี้ เป็นราชครูของเขานั้นเองที่เคยพูดถึง ครานั้นราชครูเล่าว่าอูยงมีรัชทายาทผู้เก่งทั้งบุ๋นและบู้ ประชาชนรักเขาอย่างมาก แม้ตายจากไปนานแล้วก็ไม่เคยลืมเลือน แต่เซี่ยเหลียนที่ยังเด็กกลับถามต่อไปว่าถ้าไม่เคยถูกลืม ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินชื่อองค์รัชทายาทและแคว้นนี้มาก่อน แน่นอนว่าโดนราชครูลงโทษ
เรื่องที่ราชครูเป็นใครยังต้องสืบต่อ ส่วนตอนนี้พวกเขาพบร่องรอยการต่อสู้ของเจ้าพิรุณแต่ดูเหมือนจะไม่บาดเจ็บ ถัดมาพบวิหารเทพของแคว้นอูยง เทพของพวกเขาคือองค์รัชทายาท จากนั้นยังพบด้วยว่าวิหารเทพพวกนี้ถูกคนเผาและทุกทำลายคล้ายกับสิ่งที่เซี่ยเหลียนเคยเจอ พวกเขายังเจอบันทึกภาพอีกด้วยว่าเทพรัชทายาทองค์นั้นเลือกผู้ติดตามขึ้นสวรรค์ไปด้วยอีก4คน
ระหว่างนี้แม่ทัพเผยไปเดินเล่นและหายตัวไป เขาถูกจับไปอยู่ใต้ดินพร้อมหลิงเหวินร่างชาย ที่สวมเซียนเสื้อแพรอยู่ด้วย ทั้งคู่พบอดีตหัวหน้าเทพบุ๋นที่ตกต่ำและกลับมาแก้แค้น
จากนี้เซี่ยเหลียนก็ได้รู้อดีตส่วนหนึ่งของหลิงเหวิน อดีตเทพโดนเซียนเสื้อแพรกำจัด แต่เมื่อจัดการศัตรูได้แล้วมันก็เริ่มไล่กวดเซี่ยเหลียนและแม่ทัพเผยต่อ จนฮวาเฉิงเข้ามาจัดการ ฝนโลหิตโปรยปราย แต่เมื่อมันจะโดนตัวเซี่ยเหลียนกลับแปรเปลี่ยนเป็นดอกไม้แทน ฮวาเฉิงไม่ยอมให้เกอเกอของเขาเปื้อนแม้แต่น้อย ส่วนแม่ทัพเผยนั้นสกปรกไปทั้งตัว แน่นอนว่าเมื่อเจอกับแม่นางน้อยอย่างปานเยว่ เขาก็ใช่เวทชำระล้างร่างกายให้กลับมาดูดี แต่ขณะเดียวกันบาดแผลที่เขาโดนงูของปานเยว่กัดตอนไปหยอกเย้านางกลับอาการแย่ลงเรื่อยๆ
พวกเขาเดินทางกันต่อโดยมีหลิงเหวินที่โดนจับมัดไปด้วย และเจอวิหารเทพอีกแห่งอยู่ริมหน้าผา ได้รู้ว่าเทพรัชทายาทแห่งอูยงมีนิมิตว่าบ้านเมืองจะล่มสลายจากภัยพิบัติภูเขาไฟระเบิด ขณะเดียวกันภูเขาภูตแห่งบรรพตถงหลูก็ขยับเข้ามาใกล้กัน เจตนาบีบพวกเขาให้เละ
ฮวาเฉิงเตรียมการไว้แล้ว เขาให้ลูกน้องของตน(ฑูตเมฆาที่มีตรวนคำสาบ)เอาพลั่วเทพ ของเทพพสุธามาใช้ เมื่อมีพลั่วเทพอันนี้การขุดดินขุดภูเขาก็ไม่นับเป็นอะไรเลย แต่ความดวงซวยของเซี่ยเหลียนก็ทำให้พวกเขาขุดเข้ามาในท้องของภูเขาภูติ
ระหว่างที่หาทางออก ฮวาเฉิงนำด้ายแดงวิเศษมาพันนิ้วเซี่ยเหลียนจากนี้ก็จะไม่คลาดกันไปไหน สามารถตามหาอีกฝ่ายได้ หรือหากเกิดเรื่องด้ายแดงจะขาดจากกัน หลังผูกเสร็จครู่เดียวก็เกิดเรื่องทันที ทั้งที่ยืนใกล้กันเพียงนี้แต่อยู่ๆอีกฝ่ายก็หายไปได้ แต่เมื่อมีด้ายแดงแล้วพวกเขาก็หากันจนเจอแม้จะมีมนตร์ลวงตาไว้ เมื่อเจอตัวแล้วเซี่ยเหลียนก็กอดอีกฝ่ายอย่างดีใจ
หลังจากนี้พวกเขาก็ได้รู้ว่าเทพฉีอิงบุกเข้ามาในนี้เช่นกันและเผชิญหน้ากับฑูตเมฆาซึ่งความจริงแล้วเป็นอดีตเทพและเป็นอดีตศิษย์พี่ของตน เซี่ยเหลียนได้รู้ถึงอดีตของทั้งคู่ผ่านนิมิตที่ฮวาเฉิงถ่ายทอดให้ดู
(จบเล่ม5)
Social Plugin