[คำเตือน]
เนื้อหาโพสนี้คือการ สปอย์ ถ้าต้องการอ่านรีวิว *กด*
ต้องการอ่านสปอย์ เลื่อนลงได้เลย ♥
(สปอย์) ผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อนุบาลสัตว์ เล่ม 1
คืนนี้กำลังจะมีฝนดาวตก เซี่ยหลวน(นายเอก)ถูกลู่หย่วน(เพื่อนสนิท)ตามตื้อ เขาจึงออกไปที่สวนเพื่อถ่ายรูปให้อีกฝ่ายดู แต่แล้วอุกกาบาตพุ่งชนสวนหลังบ้านของเขา บอลสีทองลอยขึ้นมา เซี่ยหลวน(นายเอก)อึ้ง บอลสีทองบอกกับเขาว่า ลองมาหลายวิธีแล้วแต่จักวาลก็ถูกทำลายทุกรอบ ครั้งนี้เลยตามหาความเป็นไปได้สุดท้ายนั้นก็คือเขา ขอให้เขาช่วยไปหยุดหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยเถอะ
เซี่ยหลวน(นายเอก)ที่คิดว่าตนเองคงไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงตกลง ก่อนจะโดนวาปมาอยู่ที่ดาวดวงหนึ่ง เขาตามบอลทองมาถึงสมาคมอนุบาลสัตว์ซอมซ่อ ก่อนจะเข้าใจว่าตนต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กในนี้
ไม่ใช่ว่าเขาต้องมาเป็น ฮีโร่กอบกู้จักรวาล..อะไรแบบนั้นหรอกเหรอ ถึงจะงงนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เงินก็ไม่มีที่พักก็ไม่มี เริ่มต้นที่นี้ก็ไม่เลวนัก เพราะแบบนี้เขาจึงเข้ามาสมัครงาน
ที่จริงแล้วคนที่จะมาเป็นพี่เลี้ยงไม่ต้องแข็งแรงมากได้ แต่กลับมนุษย์ที่แสนอ่อนแอแล้วงานนี้อาจจะไม่เหมาะกับพวกเขา ดังนั้นจึงไม่เคยมีพี่เลี้ยงที่เป็นมนุษย์มาก่อน แต่สุดท้ายเพราะขาดแคลนคนอย่างหนักเซี่ยหลวน(นายเอก)ก็ได้งานทำจนได้ เซี่ยฉี(เผ่าเซบิยา)ที่เป็นพนักงานบัญชี/ธุรการ/ต้อนรับ ก็พาเขาไปเดินดูสถานที่
เมื่อเข้ามาเดินดูข้างใน เขาก็เจออุบัติเหตุทันที ลูกมูกะตัวหนึ่งไล่กรวดพี่เลี้ยงอยู่ เมื่อเห็นคนผ่านมา พี่เลี้ยงชายร่างใหญ่เผ่าเซบิยาก็ล่อสัตว์มาทางนี้ทันที เซี่ยหลวน(นายเอก)ที่เป็นมนุษย์วิ่งช้าถูกทิ้งไว้เป็นเหยื่อล้อ ทันทีที่ล้มลงลูกมูกะก็ทับตัวเขาไว้ทันที ถึงจะดูน่ากลัวแต่เซี่ยหลวน(นายเอก)รู้สึกได้ว่าจิตสังหารไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขา แต่ยังจดจ้องอยู่ที่พี่เลี้ยงชาย ที่ไปหลบอยู่หลังบัญชีสาวอีกที
เขาเริ่มกล่อมลูกมูกะด้วยเสียงอ่อนโยนพลางลูบหัวมันไปด้วย อย่างไรก็เป็นลูกสัตว์เมื่อถูกปฏิบัติอย่างอ่อนโยน มันก็สงบลงในที่สุดทั้งยังชอบเขามาก เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย พนักงานชายคนนั้นที่วิ่งเร็วสุด หลบหลังผู้หญิงก็เดินออกมาโวยวายทันที เขาต้องการให้ผู้อำนวยการเอาสัตว์ไปทิ้ง อ้าปากแต่ละครั้งก็เรียกเผ่าพันธ์ระดับต่ำ
เซี่ยฉี(เผ่าเซบิยา)โมโห ส่วนเซี่ยหลวน(นายเอก)เองก็แดกดันเขา ทันทีที่คนๆนี้เดินเข้ามาลูกมูกะก็ตั้งท่าขู่ แค่เห็นก็พอนึกเรื่องราวได้ ลูกสัตว์ไม่มีทางอยู่ดีๆก็ทำร้ายคนได้ อีกฝ่ายร้อนตัวทันที แต่เขาก็ด้านพอจะลอยตัวต่อไป แน่นอนว่าท่านประธานไม่สนใจเรื่องทิ้งลูกสัตว์ เรื่องนี้จึงจบลง
เซี่ยหลวน(นายเอก)พาลูกมูกะกลับคอกทามกลางสายตาตะลึงของเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะทำความรู้จักคนอื่นเล็กน้อยแล้วกลับจัดห้องพักต่อ ระหว่างทำความสะอาดห้องเขาก็ได้รู้เรื่องราวของสาขาอนุบาลสัตว์นี้เพิ่ม ที่นี้มีประธานเป็นคนออกเงินลงทุนเพียงคนเดียว และถ้าสถานการณ์การเงินไม่ดีขึ้น อีก1-2ปีต้องต้องปิดตัวแล้ว
หลังจัดห้องเสร็จ พวกเขาก็ต้องกลับไปทำงานต่อทันที ตอนนี้เป็นเวลาให้อาหารของเหล่าลูกสัตว์แล้ว นอกไข่3ฟองยังไม่ฟัก ก็มีก้อนขนกลุ่มหนึ่งแล้ว ก็มีลูกมูกะ กับลูกเงือกด้วย น่าเสียดายที่เงือกน้อยต้องอยู่ในถังเพราะสระน้ำไม่มีคนทำความสะอาด ค่าแรงถูกขนาดนี้พี่เลี้ยงคนอื่นๆจึงทำแค่งานที่จำเป็นต้องทำเท่านั้น ไม่เปลือกแรงไปถึงจุดอื่น
ลูกมูกะถูกเพิงเฉยและมักได้อาหารเป็นตัวสุดท้าย เพราะเป็นเผ่าพันธุ์ดุร้าย แต่ครั้งนี้มันไม่ต้องรอนานอีกแล้วเพราะมีเซี่ยหลวน(นายเอก)ช่วยเตรียมอาหารให้ มันกินไปครึ่งหนึ่งก่อนจะแบ่งอาหารให้เซี่ยหลวนบ้าง มันยังคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอแบบนี้ต้องกินให้เยอะหน่อย แน่นอนว่าเซี่ยหลวน(นายเอก)อบอุ่นหัวใจไม่น้อย แต่เขาไม่ได้รับอาหารของเด็กและให้มันกินต่อ
เขาคิดจะเดินเข้าไปช่วยเซี่ยฉีผสมอาหารเด็ก(พี่เลี้ยงสาว/เผ่าเซบิยา) แต่เดินไปได้นิดเดียวก็ถูกลูกสัตว์เข้ามาเกาะขาไว้ เป็นลูกสัตว์ที่หน้าตาเหมือนแมวพัลลัส(Pallas) เซี่ยฉีหันมาเห็นก็อธิบายว่านี่คือลูกสัตว์เผ่าตาชีรา จากนั้นเซี่ยหลวน(นายเอก)จัดการป้อนนมให้มัน เซี่ยซี่มองนิ่งไป เท่าที่อยู่กันมาปกติลูกตาชีราหวงตัวและเย็นชาจะตาย แต่นี้กลับเข้ามาเกาะขาคนอื่นเนี่ยนะ
แล้วดูนั้น ปล่อยให้คนลูบหัวลูบตัวไม่หยุด แถมยังยอมให้เขาอุ้มโดนไม่ขัดขืนด้วย ความเย่อหยิ่งสันโดดเวลาปกติหายไปไหนแล้ว
หลังให้อาหารเสร็จพาลูกสัตว์กลังรัง เขาก็ถูกจ้าวชวน(พี่เลี้ยงชาย/เผ่าเซบิยา)ผลักงานเปลี่ยนน้ำลูกเงือกมาให้ แน่นอนว่าเขารับปากจัดการเอง โดยที่เซี่ยฉี(พี่เลี้ยงสาว/เผ่าเซบิยา)รู้สึกจนใจ พนักงานว่าง่ายเกินไปแล้ว เมื่อรับปากแล้วเธอก็ไม่ว่าอะไรแต่ส่งจ้าวชวนไปทำงานอย่างอื่น อยากอู้หรืออย่าหวัง!
เซี่ยหลวน(นายเอก)จัดการเปลี่ยนน้ำให้ลูกเงือกเป็นอย่างดี จากนั้นเขาจึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ถูกทิ้งเพราะเป็นใบ้ การพิการแบบนี้ก็เหมือนเสียพลังต่อสู้ด้วยเสียงของชาวเงือกไปแล้ว และเพราะร้องขอความช่วยเหลือไม่ได้ ตอนที่พบตัวก็เกือบแย่แล้วจริงๆ
ช่วงพักเซี่ยหลวน(นายเอก)ไปจัดการทำความสะอาดสระและซ่อมปั๊มน้ำ ที่จริงเขาก็ซ่อมเทคโนโลยีระดับสูงแบบนี้ไม่เป็นแต่หลังหยิบจับอยู่ครู่หนึ่งเขาก็รู้สึกปวดหัวอย่างไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา และปั๊มน้ำก็ใช่ได้ เซี่ยหลวน(นายเอก)ไม่ได้คิดมากกับอาการของตนเอง เมื่อทำความสะอาดจนใช่งานได้ เขาก็พาเงือกน้อยมาอยู่ในสระใหม่
ซึ่งเงือกน้อยก็ชอบมา จากถังพอดีตัวสู่สระกว้างที่เป็นของมันคนเดียว เงือกน้อยส่งคริสตัลจากน้ำตาให้ชายหนุ่มเป็นการขอบคุณ มันไม่ใช่ของมีค่าอะไรแต่เซี่ยหลวน(นายเอก)ก็ยินดีมาก
เวลาพักยังเหลืออีกนิดหน่อย เขาจึงกลับไปนอนที่ห้อง ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมายังโลกของตนเอง
ลู่หย่วน(เพื่อนสนิท)กำลังเรียกเขาอย่างตื่นตระหนก เซี่ยหลวนและที่สวนมีรอยหลุมและต้นไม้พังอยู่เหมือนเดิม หลังการอธิบายแบบน่าสงสัยเสร็จก็ส่งเพื่อนของตนกลับบ้านไป จากนั้นก็กลับมาครุ่นคิดถึงสิ่งที่พบเจอมา ก่อนจะเตรียมของพร้อมไปนอนดีๆเพื่อกลับไปอีกครั้ง และความจริงที่ปรากฏก็ยืนยันทฤษฎีของเขาแล้ว เขาพกของข้ามโลกได้ เป็นเหมือนการจำลองขึ้นมาใหม่ผ่านพลังของบอลทอง
ดูเหมือนในที่สุด ฮีโร่กู้โลกอย่างเขาก็มีพลังพิเศษกับเขาสักที เซี่ยหลวน(นายเอก)เริ่มคิดแล้วว่าจะเอาพลังนี้มาช่วยสมาคมอนุบาลสัตว์แห่งนี้ได้ยังไง หลังสำรวจตลาดประมูลซื้อขายอยู่สักพักเขาก็พบว่าดาวดวงนี้เด่นเรื่องพืช จากนั้นเขาก็กลับไปเอาบอนไซที่บ้านมาประมูล
2-3วันต่อมา บอลทองมีปฏิกิริยาพิเศษขึ้นมาแล้ว เขายังไม่ลืมเรื่องที่มันบอกว่าจะพาเขามากู้โลก พอเห็นมันเคลื่อนไหวก็ตื่นเต้นขึ้นมา มันพาเขามาถึงห้องฟักไข่ ที่นี่เซี่ยฉี(พี่เลี้ยงสาว/เผ่าเซบิยา)กำลังต่อว่าจ้าวชวน(พี่เลี้ยงชาย/เผ่าเซบิยา)ที่ละเลยการให้สารอาหารกับไข่ใบหนึ่งอยู่
จ้าวชวนกลับไม่ได้รู้สึกผิดสักนิดและบอกว่าไข่เสนียดใบนี้ไม่เห็นต้องดูแล
ไข่สีดำใบนี้คือ ไข่ของเผ่าพันธ์น็อกซ์ ผู้สร้างโรคนิลกาฬเมื่อ30ปีก่อน ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการแขนขาอ่อนแรง ก่อนจะสูญเสียการควบคุมร่างกายทุกส่วน แต่เดิมเผ่าทีนี้รุ่งเรืองมาก แต่เพราะทำการทดลองเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างไม่รู้จักพอ สุดท้ายเผ่าจึงล่มสลาย หลังทีมค้นหาอยู่ในซากเมืองหลวงเผ่าน็อกซ์ ก็พบไข่ใบหนึ่ง แม้จะโกรธแค้นที่เผ่านี้สร้างความเสียหายแก่จักรวาล แต่ด้วยศีลธรรมจึงต้องเก็บไข่มาอนุบาล
หลังสถานสงเคราะห์อื่นโยนไข่ใบนี้กันไปมา ผลสุดท้ายก็มาตกอยู่ที่นี้
หลังฟังคนโต้เถียงกัน เซี่ยหลวน(นายเอก)ก็เอ่ยปากขอดูแลไข่เอง ต่อให้ไม่มีบอลทองนำทางเขาก็คงจะทำแบบนี้
จ้าวชวนออกไปอย่างยินดีที่งานตนเองลดไปอีกหนึ่ง เซี่ยหลวน(นายเอก)ไม่ได้สนใจ เขาลูบไข่และเริ่มทาสารอาหารที่เปลือกไข่ ต่อให้เผ่าพันธุ์จะเลวร้ายแล้วยังไง เด็กคนนี้เป็นเพียงไข่ที่ยังไม่เกิดเท่านั้น เขาเป็นเพียงเด็กดีที่สั่งสอนเรื่องผิดถูกได้ ก่อนออกไปเซี่ยหลวนบอกกับไข่อย่างอ่อนโยนว่าให้รีบฝักนะ
ถ้าไม่มีใครคาดหวังให้ไข่ใบนี้ฝัก เขาจะเป็นคนคาดหวังเอง เพราะว่าชีวิตใหม่ที่ถือกำเนิดนับเป็นเรื่องน่ายินดีเสมอ
งานประมูลจบลงแล้ว เซี่ยหลวน(นายเอก)ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะได้เงินเท่าไร แต่เขาก็เริ่มวางแผนว่าตนอยากซื้อของเล่นให้ลูกสัตว์ เมื่อได้เงินแล้วก็อึ้งไปเพราะมันเยอะกวาที่เขาคิดไว้มาก เขาไปหาประธานสมาคมบอกแผนการลงทุน เมื่อออกมาจากห้องประธานก็เจอเซี่ยฉีฉะกับจ้าวชวนอีกแล้ว ครั้งนี้เธอกัดฟันกรอด ขู่ว่าไม่ช้าก็เร็วต้องถูกไล่ออกแน่
จ้าวชวนลอยหน้าลอยตาเหมือนเดิม เขารู้ว่าสภาพการเงินของสมาคมจ้างคนใหม่ไม่ได้ง่ายๆ ใครจะรู้ว่าอยู่ดีๆเซี่ยหลวน(นายเอก)ก็พูดออกมาง่ายๆว่านายถูกไล่ออกแล้ว แน่นอนว่าจ้าวชวนโวยวายเหยียดหยัน แต่เมื่อเห็นประธานเดินออกมาด้วยตนเองก็ตลกไม่ออก แม้จะโดนไล่แต่เขาก็ดื่อแพ่งจะอยู่อย่างน่าด้าน แต่ก็ถูกเซี่ยหลวนเรียกลูกมูกะมาขู่จนหนีไปในที่สุด
หลายวันต่อมา เซี่ยหลวนคอยไปทาสารอาหารให้ไข่ตลอด ช่วงที่เขากลับไปนอนเปลือกไข่ก็แตกร้าวและฝักออกมาเป็นตัว มันฉลาดมากและเริ่มรู้ตัวตั้งแต่อยู่ในไข่ ดังนั้นมันจึงรู้ว่ามีคนมากมายรังเกียจมัน อยากให้มันตาย และมีคนๆหนึ่งที่สัมผัสมันอย่างอ่อนโยนและรอคอยมันฝัก
หน้าหนาวที่เย็นยะเยือก แม้จะอยู่ในห้องควบคุมอุณภูมิก็ยังพาให้คนตัวสั่น แต่ลูกสัตว์พึ่งเกิดตัวนี้ไม่ยอมแพ้ มันออกมาจากห้องแล้วไปตามทางที่มืดมิด ตามร่องรอยของกลิ่นอายเบาบางนั้นไป แอบเปิดประตูและมุดเข้าไปในผ้าห่ม แอบมองใบหน้าอ่อนโยนนี้อยู่นาน
เมื่อเซี่ยหลวน(นายเอก)ตื่นก็ต้องอึ้ง ขนขาวปุกปุย นัยน์ตาฟ้า คล้ายแมวและกระต่าย มีเขาคู่หนึ่ง กำลังซุกผ้าห่มของเขาอยู่ เขาตกใจมากและรีบพากลับไปยังห้องคุมอุณภูมิ เตรียมนมให้มันกิน เด็กน้อยอ้อนเขามากทีเดียว
ตอนนี้เซี่ยหลวน(นายเอก)เริ่มเรียกช่างเข้ามาปรับปรุงสถานที่แล้ว สวยขึ้นมากจนเซี่ยฉีแทบจำไม่ได้ ส่วนตัวเขาพบว่าเมื่อจ่ายค่าปรับปรุงและจ้างผู้ดูแลใหม่และนักบัญชี ปรับเงินเดือนให้เป็นไปตามมาตรฐาน เงิน3ล้านของเขาก็หมดแล้ว ทุกอย่างใช่เงินกว่าที่คิดเยอะมาก และผู้ดูแลเองก็มีแบ่งเกรด ในตอนนี้เขามีเงินพอที่จะจ้างแค่ระดับธรรมดาสุดเท่านั้นเอง
ซาราดเป็นพลเอกที่มีผลงานอันเป็นที่ร่ำลือมากมาย แต่เขาต้องปลดระวางอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด คนนอกได้แต่เดาเหตุผล แต่จริงๆแล้วเขาโดนคนวางยาจนใช้พลังพิเศษไม่ได้ เขามาดาวดวงนี้เพื่อประมูลยา น่าเสียดายที่เมื่อกินแล้วไม่ได้ผล แต่แล้วเขาก็รู้ถึงพลังจิตสายหนึ่งที่ช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บของเขาได้ มันออกมาจากเซี่ยหลวน(นายเอก)ที่กำลังร้องเพลงกล่อมเด็ก เขารีบร้อนบุกเข้าไปหาโดนลืมคิดไปว่ารูปลักษณ์ภายนอกของตนเองไม่น่าดูนัก ที่ผ่านมา ตนเองใช่ชีวิตอย่างสิ้นหวัง เพราะใช่พลังที่ภูมิใจไม่ได้ ต้องวางมือจากงานอันทรงเกียรติ ระหว่างทางไม่ได้ดูแลตนเอง หนวดเครายาวเฟิ้มตอนนี้จึงดูเหมือนผู้ต้องสงสัยที่น่าระแวง
เขาพยายามอธิบายว่าตนเองต้องการความช่วยเหลือจากพลังของเซี่ยหลวน(นายเอก) เขาไม่ได้บอกว่าตนเองเป็นพลเอกเพราะกลัวอีกฝ่ายลำบากใจ แต่สัญญาว่าจะตอบแทนอย่างดีแน่นอน
เซี่ยหลวน(นายเอก)เห็นว่าอีกฝ่ายดูสกปรกมอมแมม คงมีความเป็นอยู่ไม่ดีนัก ด้วยเจตนาดีอยากช่วยเหลือและเห็นรูปร่างสูงใหญ่น่าจะทำได้ดี เขาจึงให้อีกฝ่ายมาเป็นยามเฝ้าประตู
ตั้งแต่นั้นมา ท่านอดีตพลเอกควบตำแหน่งอดีตผู้บัญชาการกองทัพพันธมิตรแห่งสหพันธ์ดวงดาวจึงมาทำงานเป็นยามหน้าประตูอยู่ที่นี่
เซี่ยหลวน(นายเอก)ฟังเรื่องอีกฝ่ายขอร้อง ถึงได้รู้ว่าตนเองก็มีพลังจิตเช่นกัน มิน่าเหล่าลูกสัตว์ถึงถูกกล่อมได้ง่าย แม้แต่ตอนซ่อมปั้มน้ำก็คงเป็นเพราะพลังจิต จากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก กลับไปดูแลสัตว์
มื้อกลางวัน ซาราด(ยาม/อดีตพลเอก)ออกจากป้อมมากินอาหารกลางวัน เขาก็ต้องตะลึงเมืองเห็นลูกน็อกซ์ ครั้งนั้นที่ทีมค้นหาเจอไข่ มันสัญญาณชีพที่อ่อนแรงมาก แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะฟักออกมา และเท่าที่เขารู้ดูเหมือนทางการจะมอบให้สมาคมอนุบาลที่3เป็นคนดูแล มันตกมาอยู่ที่สมาคนโนเนมแบบนี้ได้ยังไงกัน ยังไม่ทันได้ถาม เซี่ยฉีที่นั่งรอข้าวกลางวันอยู่ข้างๆก็บอกว่า วันนี้โชคดีแล้ว พึงมาใหม่แต่จะได้ชิมอาหารที่เซี่ยหลวนทำ
ซาราดไม่ได้สนใจเขาเคยเป็นถึงพลเอก มีของอร่อยที่ไหนที่ไม่เคยกิน จากนั้นเขาก็กลับคำ แทบอยากจะกลืนลิ้นตัวเองลงไปด้วย
เมื่อเซี่ยหลวนมาถึงดาวดวงนี้ก็พบว่า อาหารส่วนใหญ่เป็นเจลสารอาหาร มีร้านอาหารน้อยมาก ดังนั้นของที่เขาทำถึงได้รับความนิยมแบบนี้
สมาคมอนุบาลสัตว์ของพวกเขา โพสโปรโมตสาขาบนเน็ต แต่มันไม่ได้รับความสนใจมากนัก ซาราดจึงติดต่ออดีตผู้ใต้บังคับบัญชาให้ช่วย แชร์ครั้งเดียวโพสโด่งดังสุดขีด จากโพสนี้ทำให้พวกเขารักลูกสัตว์มาเพิ่มได้ เป็นลูกเคิร์ด ขนปุยแดงอ่อน รูปร่างคล้ายนก แม่เด็กเคยส่งลูกไปมาแล้วหลายสมาคม แต่ก็ยังทำให้ลูกบินไม่ได้ ถึงแม้เธอจะไม่คิดว่าเป็นปัญหาอะไร แต่พ่อเด็กไม่พอใจมาก จนแทบจะตัดพ่อตัดลูก เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ทำให้เขาขายหน้า
คุณแม่เคิร์ดพาลูกมาส่งที่สมาคมพร้อมเล่าเรื่องที่ลูกยังบินไม่ได้ให้ฟัง เซี่ยหลวน(นายเอก)ทักทายลูกเคิร์ด ได้ผลตอบรับที่ดีทีเดียว มันไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ส่งเสียงร้องตอบเขา แต่นั้นก็ทำให้คุณแม่ใจชื่นแล้ว เพราะที่ก่อนๆลูกของเธอไม่เคยร้องให้เลย จากนั้นคุณแม่ก็กลับไป
เซี่ยหลวน(นายเอก)พาเด็กใหม่ไปหาเด็กตัวอื่นๆ เขาให้กำลังใจจนมันยอมเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ แต่เมื่อพบ ลูกคูติ (ขนปุยขนเหลือง รูปร่างคล้ายนก) ลูกคอตโต (ขนปุยขนเทา รูปร่างคล้ายนก)มันก็คอตก ท่าทางไม่มั่นใจขึ้นมา เซี่ยหลวนพยายามปลอบมันอีกครั้งว่าเด็กคนอื่นต่างก็เป็นเด็กดีมาก ไม่ต้องกลัวนะ
ลูกเคิร์ดดีใจที่เขาไม่กดดันเรื่องที่มันบินไม่ได้เหมือนที่สาขาอื่นๆ ต่อมาเวลาเขาสอนมันบินยังคอยจุ๊บหัวให้กำลังใจอีกด้วย แม้ท่าทางตอนกระพือปีกจะไม่น่าดู แต่จากนี้ไปมันก็พยายามฝึกบินอยู่ทุกวัน ใครเห็นเป็นต้องใจอ่อนยวบ ให้กำลังใจมันไม่น้อย
เมื่อลูกเคิร์ดเริ่มบินได้ต่ำๆและฝึกฝนด้วยตัวเองแล้ว เซี่ยหลวน(นายเอก)ก็เริ่มว่างอีกครั้ง ซาราด(ยาม/อดีตพลเอก)จึงอาศัยจังหวะนี้เข้าไปพูดคุยถึงเผ่าพันธ์น็อกซ์ที่อีกฝ่ายอุ้มอยู่ตลอดเวลา หลังฟังข้อควรระวัง เซี่ยหลวนไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร แต่กลับขอให้ซาราดทำงานต่อไป หวังว่าเขาจะไม่มีอคติกับลูกสัตว์ ระหว่างนั้นเซี่ยหลวนก็ลูบปลอบอัยไปด้วย
อัยคือชื่อของลูกน็อกซ์ตัวนี้ ที่ทีมค้นหาเจอบันทึกไว้พร้อมไข่
เผ่าอื่นจะมีช่วงเวลาเด็กที่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่ก็10กว่าปีทั้งนั้น แต่ซาราดรู้ว่าลูกน็อกซ์ใช่พลังพิเศษได้เร็วมาก และมีช่วงวัยเด็กที่สั่น สมองจะโตเร็วมากเมื่อเทียบกับเผ่าอื่น เขายังนึกกังวลไม่น้อย แต่เมื่อเห็นลูกน็อกซ์ยอมให้มนุษย์ลูบตัว ลูบหางอย่างว่าง่าย เขาก็เริ่มคิดว่าคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
เซี่ยหลวน(นายเอก)พาอัย(ลูกน็อกซ์)เข้านอนตามปกติ ถ้าเขาไม่พาเข้ามา ตอนดึกอีกฝ่ายจะแอบเปิดประตูเอง แต่เช้าวันนี้ เขากลับผมเด็กหนุ่มหล่อเหลาผมเงินนัยน์ตาฟ้า แทนลูกสัตว์ขนปุยแทนซะนี้ เซี่ยหลวนอึ้งสนิท แต่อีกฝ่ายยังทำเหมือนตอนที่เป็นลูกสัตว์คืองับนิ้วของเขาไปมา
เดิมทีพอลูกสัตว์โตแล้วจะต้องปล่อยออกไปข้างนอก แต่เซี่ยหลวนในฐานะนายทุนควบรองประฐานเขาจึงให้อัย(ลูกน็อกซ์)อยู่เป็นพนักงานต่อ แต่เมื่อตกดึกจากเด็กหนุ่มก็กลับมาร่างลูกสัตว์อีกครั้ง เซี่ยหลวนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ล้มตัวลงนอนก่อน หลังจากนั้นสาขาพวกเขาก็ได้พนักงานกวาดใบไม้ ทำเสร็จแล้วก็กลับร่างเด็กมาเป็นหมอนอุ่น ช่วงนี้อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ เผ่าอื่นทนได้ แต่มนุษย์อย่างเขาใส่เสื้อผ้าหนาเท่าที่จะหนาได้แล้วจริงๆ
ตอนนี้ลูกเคิร์ด (ขนปุยแดงอ่อน รูปร่างคล้ายนก) บินได้แล้ว แต่เมื่อสูงสองเมตรก็มักจะตกลงมา เซี่ยหลวนเข้าไปฝึกมันอีกครั้ง เขาขึ้นไปยืนเป็นเป้าหมายให้ลูกสัตว์ เมื่อมีเป้าหมายและกำลังใจ ลูกเคิร์ดก็เอาชนะอดีตที่เคยถูกหัวเราะจากสมาคมอื่นๆได้ มันบินจนมาถึงตัวเซี่ยหลวนสำเร็จ
ผู้นำตระกูลวาเลน หรือพ่อเคิร์ดเขาต่อว่าภรรยาไม่หยุดที่เลือกสมาคมที่ไม่มีชื่อเสียง แต่ครั้งนี้คุณแม่เคิร์ดไม่ยอมถอย เธอไม่ได้ให้ลูกเปลี่ยนที่เรียน และไปเยี่ยมลูกหลังผ่านไปกว่า1เดือน เธอมาหาโดยที่เด็กน้อยไม่รู้เรื่องใดๆ ก่อนที่จะโดนเซอร์ไพรซ์ซะเอง ลูกของเธอบินเข้ามาในอก เด็กน้อยบินได้แล้ว
หลังปรับอารมณ์และพูดคุยถึงการฝึกของลูกที่ผ่านมาแล้วเธอก็อยากตอบแทน แม้ทุกคนจะบอกว่าไม่ต้อง แต่เธอก็ช่วยออกทุนสร้างตึกใหม่ให้ ทั้งตึกถูกออกแบบมาอย่างดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หลังกลับมาถึงบ้านแล้วพบสามีก็คิดได้ว่า การแสดงความรู้สึกกของที่บ้านก็ควรเปลี่ยนด้วย การถูกชมแล้วดีใจ ถูกตำหนิก็รู้สึกแย่ เป็นเรื่องพื้นฐานแต่เธอกลับลืมไป
เซี่ยหลวนตกลงพาเด็กๆเข้าร่วมมหกรรมการบินด้วยหลังจากที่เด็กๆแสดงความสนใจ แต่ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนจากหนาวเป็นอุ่นอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรเขาก็ไม่สบายจนเป็นลมไป วินาทีที่หัวเขาจะฟากพื้น อัยก็กลับร่างเต็มวัยเข้ามารับเขาไว้
เซี่ยฉีนำยามาให้อัย บอกให้เขาพาชายหนุ่มไปพัก อัยทำตามอย่างว่าง่ายแม้สีหน้าเย็นชา ระหว่างนี้ซาราดมองอยู่ตลอด หางของเผ่าน็อกซ์ปกติมีแต่ผู้ปกครองหรือคู่ครองที่จับได้ แต่ส่วนใหญ่การจับและลูบจะหมายถึงการขอความรักจากเจ้าของหาง เวลานี้เขาเห็นเผ่าน็อกซ์ตัวนี้เอานั้นพันตัวมนุษย์อย่างปกป้อง เมื่อถึงห้อง อัยก็ป้องยาและนอนกอดอีกฝ่ายใต้ผ้าห่ม
เซี่ยหลวน(นายเอก)ไม่มีสตินัก เขารู้สึกร้อน แต่ถีบผ้าห่มเท่าไรก็ไม่ขยับ จนกระทั้งมือคว้าบางสิ่งเย็นๆที่เอวได้ จากนั้นเขาก็นอนกอดมันคลายร้อนอย่างมีความสุข
ตอนเขาตื่นมาเห็นหางสีเงินที่ตัวเองกอดอยู่ก็อึ้งมาก เบนสายตามาก็เจอนัยน์ตาสีฟ้าเข้าจริงๆ ก็กระอักกระอ่วน แต่แล้วอีกฝ่ายก็เข้ามาคลอเคลีย และเรียกเขาว่าอาหลวน เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินเจ้าตัวพูดออกมาก่อนเลย
อัยอยากพูดชื้อนี้เป็นคำแรกเมื่อเขาโตเต็มวัย เขาเรียกอย่างตั้งใจให้ชายหนุ่มฟังชัดๆ จากนั้นถึงค่อยกลับไปเป็นร่างเด็ก สำหรับร่างลูกสัตว์ เซี่ยหลวนไร้ภูมิต้านทานเสมอ
เมื่อหายป่วย เซี่ยหลวนก็เริ่มให้นกทั้งสามฝึกทักษาะบินผาดโผน เมื่อไปถึงสนามจริงจะได้ไม่ตื่นตกใจ จากนั้นก็ถึงวันแข่งจริง นอกจากลูกนกทั้งสามก็มีอัย(ลูกน็อกซ์)ที่ตามไปด้วย เด็กคนนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เกาะเสื้อของเขาไม่ยอมปล่อย สุดท้ายแล้วเมื่อคิดถึงสถานะการณ์ของเผ่าน็อกซ์ เขาก็สวมผ้าคลุมดำให้อัยแล้วใส่ไว้ในเสื้อของตัวเองอีกทีนึง
ที่สนามแข่งคุณแม่เคิร์ดมารับและให้กำลังใจเด็กๆ เมื่อเข้าที่ลานเตรียมตัว เขาก็สรุปได้เลยว่าที่นี่คือสวรรค์ของคนรักลูกเจี๊ยบตุ้ยนุ้ย ในการแข่งครั้งนี้ผ่านการลุ้นของกองเชียร์ ลูกเคิร์ดของเข้าเส้นชัยเป็นตัวที่2 แต่เมื่อสรุปคะแนนออกมาเขาเป็นที่1 เพราะได้คะแนนจากการบินผ่านห่วงที่กำหนดมากกว่าอีกตัว ลูกคูติและลูกคอตโตก็ได้ที่5และ8อย่างสวยงาม ในงานครั้งนี้เขายังได้เห็นร่างเต็มวัยของเผ่าทั้งสามคือ หงแดง นกยักษ์สีทอง และเหยี่ยวอีกด้วย เป็นประสบการณ์ที่มีค่าของเด็กๆ
ก่อนกลับเขายังแวะบ้านของลูกเคิร์ด ช่วยคุณพ่อของเด็กแสดงความรัก ปรับตัวกับการชมให้กำลังใจ คุณพ่อเคิร์ดเองก็ดีใจมากที่ได้ใช่เวลาร่วมกับลูก โดยที่อีกฝ่ายไม่กลัวตนเองเหมือนทุกที
ในเน็ตมีสมาคมLออกมาเครมว่าครึ่งปีก่อน ลูกเคิร์ดตัวนี้เคยอยู่ที่สมาคมและมีพี่เลี้ยงใช่การปลุกพลังทุกวัน ทำให้เด็กที่บินไม่ได้กลับมาบินได้ในวันนี้ สมาคมนี้มีชื่อเสียงและติดอันดับต้นๆทำให้คนเชื่อและแห่ไปชื่นชม แต่คุณแม่เคิร์ดออกจดหมายขอบคุณสมาคมอนุบาลสัตว์อวิ๋นเป่า ที่แก้ปัญหาด้านจิตใจทำให้ลูกนกมีความกล้าที่จะบิน ผู้คนจึงรู้ว่าที่แท้ก็เป็นสมาคมเดียวกับที่ท่านพลตรีเคยแชร์นี่! (อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของซาราด)
สมาคมอนุบาลสัตว์อวิ๋นเป่าจึงตกเป็นที่สนใจของผู้คนอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาต้อนรับลูกสัตว์กลุ่มใหม่เข้ามา 5ตัวเป็นเผ่าลูกเจี๊ยบทั้ง3สี อีกตัวเป็นเผ่ามายาที่หน้าตาเหมือนลูกเต่า เด็กคนนี้มีปัญหาทรงตัวไม่ได้ มักจะหงายท้องชี้ฟ้าบ่อยๆ เซี่ยหลวนไม่คิดมากไว้ค่อยๆดูแลกันไป แต่ตอนนี้ลูกเงือกของเขาจะมีเพื่อนเล่นด้วยแล้ว หลังพาเพื่อนใหม่มาแนะนำและดูทั้ง2เล่นกันสักพักเขาก็คิดจะกลับ แต่แล้วลูกเงือกก็เรียกเขาไว้ มอบเกล็ดให้เขา เซี่ยหลวนไม่รู้ความหมาย แต่เขารู้ว่าตนเองได้รับความสำคัญดังนั้นจึงดีใจและขอบคุณมาก เขาจะนำไปเก็บรวมกับคลิสตัลที่ได้มาคราวก่อน
เมื่อคนอื่นๆรู้เขาก็อึ้ง ลูกเงือกมอบเกล็ดที่หลุดชิ้นแรกให้ชายหนุ่มมนุษย์ แปลว่าเห็นเขาเป็นผู้ปกครองแล้วจริงๆ เมื่อเซี่ยหลวนรู้ ความก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที ช่วงดึกเขาไปหาเงือกน้อยอีกครั้ง บอกกับเด็กว่าตนเก็บของไว้เป็นอย่างดีแล้ว จากนั้นเขาก็หยุด รอฟังสิ่งที่เงือกน้อยพยายามจะพูด ครั้งนี้เขาตั้งให้ฟัง และเงือกน้อยเองก็พยายามออกเสียงอย่างมาก
ใช่แล้ว ที่เงือกน้อยพยายามพูดมาตลอดหลายครั้งมานี้ คือคำว่าปะป๊า วันนี้เขาได้ยินชัดแล้วและขานรับออกไป หลังจากนี้ไม่ว่าลูกเงือกจะเรียกเขาสักกี่ครั้ง ต่อให้เป็นเพียงการเรียกที่ไม่ได้ต้องการอะไร เขาก็จะตอบรับเด็กคนนี้ทุกครั้งแน่นอน
เดิมทีลูกเงือกกลัวที่จะต้องอยู่ห่างจากน้ำมาก เพราะมันเคยถูกพามาทิ้ง แต่ตอนนี้มันเป็นฝ่ายจับเซี่ยหลวนไว้เอง ชายหนุมพาลูกเงือกและลูกมายามาบ่อเล็กของห้องสัตว์ ให้มันได้เล่นกับเด็กๆตัวอื่น
ตอนนี้เขาเอาเงินที่ได้จากการบริจาคมาสร้างสวนน้ำ รองรับสัตว์น้ำที่จะมาให้อนาคต ขณะที่กำลังถ่ายโปรโมตโซนใหม่อยู่เขาก็เท้าพลาดจนเกือบตกบันได้ ก็ได้อัยที่กลับร่างโตมารับเขาไว้อีกแล้ว หางสีเงินพันรอบเอว เมื่อเผชิญกับการอุ้มแบบนี้เขาก็กระอักกระอ่วนอีกแล้ว ถึงแม้ว่าตอนอัยอยู่ในร่างลูกสัตว์เขาจะเคยปลอบใจมันตัวการจูบหัวปุยๆของมันไปแล้วก็เถอะ
หลังทำใจอยู่ครู่หนึ่งเขาก็กลับสู่ปกติ อาจจะเพราะนอกจากกลายเป็นรูปร่างมนุษย์แล้ว นิสัยไม่ได้เปลี่ยนไปเลยล่ะมั้ง ถ้าดีใจหางของอีกฝ่ายจะยกขึ้นหรือมาเกี่ยวมือเขา ถ้าผิดหวังหางจะตก อย่างเช่นเวลานี้ เขาลูบผมปลอบ เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายกล่อมง่ายมาก ครู่เดี่ยวก็เอาแก้มมาถูไถเขาแล้ว
เซี่ยหลวนสังเกตเห็นรอยสีดำบางอย่างบนร่างของอัย เขาสังหรณ์ไม่ดีนัก แต่อัยก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร เขาคิดว่าคงต้องถามซาราดดู
หลังจากนั้นเขาก็ไปหาลูกเงือกอีกครั้ง น่าเซอร์ไพรซ์มากที่เด็กน้อยใช่พลังพิเศษได้ เขากลั้นน้ำเป็นน้ำแข็งแล้วนำมาเขียนเป็นคำว่าป๊ะป๊า หลังกล่อมเด็กน้อยที่ใช่พลังพิเศษจนง่วงให้ไปนอนแล้ว เขาก็นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับทุกคน ตอนนี้ทุกคนอึ้งจนไม่รู้ต้องอึ้งยังไงแล้ว ปกติแล้วเงือกมักใช่เสียงเป็นสื่อกลางส่งต่อพลัง แต่เงือกน้อยไม่ต้องใช่สื่อกลาง และยังเป็นพลังน้ำแข็งที่หายากสุดๆ พบได้1ในหมื่นอีกด้วย
แต่หลังจากอึ้งแล้วสิ่งต่อมาของพวกเขาคือความยินดี เงือกน้อยที่ใช่พลังได้เป็นครั้งแรกเขียนคำว่าป๊ะป๊าให้ผู้ปกครองของตัวเองดู เด็กน้อยที่ถูกทอดทิ้งเพราะไม่พลังพิเศษ ตอนนี้ได้ครอบครัวใหม่และค้นพบพลังอีกต่างหาก เป็นเรื่องที่ดีมากๆที่สุดเรื่องหนึ่งเลย
จบเรื่องนี้เซี่ยหลวนก็ถามซาราดว่าพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับรอยดำบ้างไหม ซาราดเองก็ไม่รู้และมันก็ไม่ใช่โรคนิลกาฬด้วย แต่เขาก็นึกออกขึ้นมาเรื่องหนึ่ง เดิมทีตอนพบไข่ใบนี้ที่เมืองหลวงน็อกซ์มันเป็นสีขาว แต่เพราะอะไรถึงกลายมาเป็นสีดำแบบตอนนี้ก็ไม่มีใครดู
นอกจากเรื่องนี้ซาราดยังได้เลื่อนขั้นจากยามเป็นครูสอนการต่อสู้แล้ว เขาเป็นคนเสนอตัวเองเมื่อเห็นว่าขาดคน เขาเองก็อยากกสอนลูกเงือกที่มีพลังกลายพันธ์แบบนี้เหมือน
วันหนึ่งเซี่ยฉีก็พบว่านักสืบชาวเน็ตบอกว่าลูกเงือกของสมาคมเธอเหมือนตระกูลฮาวดี้ เธอมานั่งดูปรากฏว่าใช่จริงๆ แต่จะบอกว่า1ใน4ตระกูลใหญ่ของเผ่าเงือกทิ้งลูกของตัวเองงั้นเหรอ! ข้อมูลนี้น่าตะลึงเกินไป เธอรีบเอาไปให้ทุกคนดู ขณะที่ทุกคนมึนงงว่าต้องทำยังไงต่อ เซี่ยหลวนก็บอกว่าถ้ายืนยันได้ว่าเขาทอดทิ้งเด็ก เขาก็ไม่ต้องทำอะไร ตอนนี้เงือกน้อยมีความสุขดี ไม่เกี่ยวกับอดีจะเคยเป็นใครมาก่อน
ทุกคนค่อยได้สติ จะว่าไปถ้าตระกูลใหญ่บังเอิญทำลูกหาย คงจะประโคมข่าวไปทั่วจักวาลแล้ว แต่นี้ไม่มีการออกตามหาใดๆ เวลานี้ชาวเน็ตทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพวกเขาอยากรับตัวกลับไป ไม่ว่าจะเต็มใจรึไม่ พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์ขวาง แน่นอนว่าเซี่ยหลวนต้องขวางแน่ แต่ทุกอย่างคงต้องงดูอนาคต
ซาราดได้รู้เรื่องนี้เป็นคนสุดท้ายในคาบเรียนพลังจิตของลูกเงือก เขาฟังเรื่องราวแล้วมั่นใจจากประสบการณ์ได้เลย ว่าลูกเงือกถูกทิ้งแน่นอน แต่เมื่อคำนึงถึงผลประโยชน์เขาแนะนำให้ส่งลูกเงือกกลับไป เด็กมีพลังน้ำแข็งหายากแบบนี้อนาคตต้องกลายเป็นผู้นำตระกูลแน่
แต่ทันทีที่เขาพูดจบ เงือกน้อยก็ร้องไห้โหออกมา ผู้ใหญ่2คนตรงนั้นตกใจมาก เซี่ยหลวนรีบอุ้มเงือกน้อยมาปลอบ สัญญากับเขาว่าจะไม่มีทางไปไหนแน่นอน ส่วนเงือกน้อยเองจากการร้องไห้อย่างหนักและการพยายามร้องเรียก ตอนนี้เขาออกเสียงป๊ะป๊าได้ชัดเจนมาก ซาราดไม่ได้เจตนาร้ายจริงๆนะ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวร้ายในนิทานไม่มีผิด เขานึกกว่าถ้าเด็กโตขึ้นและเข้าใจว่าอำนาจคืออะไรคงจะเลือกทางนั้น แต่เมื่อมองเงือกน้อยที่กอดชายหนุ่มแน่นแล้ว เขาก็รู้ว่าเงือกน้อยต้องการเพียงเติบโตไปพร้อมการดูแลจากป๊ะป๊าของเขาเท่านั้นเอง
หลังเห็นทั้งคู่กอดกันแน่นแบบนี้เขาก็บอกว่าตนเองมีเส้นสาย จะลองหาทางช่วยดู
ฝั่งซาราดเริ่มลงมือ ฝั่งตระกูลเงือกฮาวดี้ก็รู้เรื่องจากเน็ตแล้วเหมือนกัน สองสามคนเริ่มนั่งไม่ติด พวกเขารู้แก่ใจดีว่าความจริงคืออะไร เพราะว่าชื่อเสียงตระกูลคือที่สุด การมีเด็กที่ใช่พลังไม่ได้นั้นเป็นเรื่องที่ด่างพร่อย และเจตนาเดิมที่นำไปทิ้ง ก็เพื่อให้ตายไปเงียบๆ พวกเขาสั่งการให้ไปรับตัวเด็กและปิดปากคนในสาขาเล็กๆนั้น
คนที่มารับเอง ถือว่าตนเป็นคนของตระกูลใหญ่ก็ไม่ได้ให้เกียรติอะไร ยิ่งเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์ที่แปลว่าพลังกลายพันธุ์ เขายิ่งคิดว่าจะต้องพาเงือกน้อยกลับไปให้ได้ เมื่อโดนปฏิเสธก็ใช่เงินฟาดหัวกลับอย่างมั่นใจ สุดท้ายเมื่อโดนไล่ เขาก็ได้แต่รายงงานผู้นำตระกูลแล้วส่งเรื่องขึ้นศาล
เขาไม่เชื่อหรอกว่า สมาคมอนุบาลสัตว์เล็กๆจะเอาอะไรมาสู้ตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาได้
หลายวันต่อมา ผู้นำตระกูลฮาวดี้เดินทางมาที่ศาลด้วยตัวเอง พร้อมกันยังสั่งให้มีการไลฟ์และปั่นกระแสในเน็ตด้วย
ในการดำเนินคดีครั้งนี้ ซาราดก็มาดาวชิโลรินที่เป็นที่ตั้งของศาลเป็นเพื่อนเซี่ยหลวนด้วย แต่เขาไม่ต้องการออกหน้า เพียงแต่ติดต่อคนสนิทและให้เขานำทางเซี่ยหลวนไปศาล ที่ลานดำเนินคดี ได้ทำการเปิดความขึ้นมา ทางตัวแทนตระกูลยืนยันว่าตนมีสิทธิ์ในตัวลูกเงือก แต่อีกฝ่ายไม่ยอมมอบให้
เซี่ยหลวนแสดงเจตนาดูแลลูกสัตว์ทุกตัวให้ปลอดภัย จากนั้นส่งเรื่องให้ทนายความพูดต่อว่า ตระกูลฮาวดี้เจตนานำลูกสัตว์มาทิ้ง โดยมีพยานบุคคลเป็นคนใช้ที่ได้รับคำสั่ง และชาวบ้านที่พบเจอเงือกน้อยที่ลานขยะ มีหลักฐานเป็นในเสร็จค่ารักษาพยาบาลการขาดน้ำของเงือกน้อยก่อนส่งตัวให้สมาคมอนุบาล
ด้วยหลักฐานที่มัดแน่น เซี่ยหลวนได้สิทธิ์ดูแลเงือกน้อย ส่วนตระกูลฮาวดี้แทบพังพินาศด้วยการขึ้นศาลครั้งนี้
หลังจัดการเรื่องนี้เสร็จเขายังพาเงือกน้อยไปรับเทพจากเทพสมุทรที่ดาวบ้านเกิดของเหล่าเงือกด้วย เด็กน้อยของเขาถูกทอดทิ้งจนพลาดพิธีสำคัญของเผ่าพันธ์ไป ทั้งทีที่จริงแล้วพิธีไม่ได้ยุ่งยากเลย แค่นำน้ำจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์กลางเมืองมาเจิมหน้าผากก็ได้แล้ว นอกจากทำให้พิธีอวยพรให้เงือกน้อยแล้ว เขาก็ยังทำให้อัยที่หลบอยู่ที่อกด้วย หวังว่าเด็กน้อยที่ถูกผู้คนเกียจชังโดยปราศจากความผิดจะได้รับการอวยพร
จากนั้นก็พาลูกเงือกชมเทศกาล เด็กน้อยเห็นผู้ปกครองของตนปรบมือให้ลูกเงือกคนอื่น เขาจึงขอออกไปลองร้องเพลงดูบ้าง เพียงครู่เดียวผู้คนก็อึ้งกันหมด พวกเขาที่เป็นเงือกรับรู้จากเสียงนั้นได้เลยว่า เด็กคนนี้มีพลังมากกว่าคนอื่น2-3เท่า
(จบเล่ม1)
คืนนี้กำลังจะมีฝนดาวตก เซี่ยหลวน(นายเอก)ถูกลู่หย่วน(เพื่อนสนิท)ตามตื้อ เขาจึงออกไปที่สวนเพื่อถ่ายรูปให้อีกฝ่ายดู แต่แล้วอุกกาบาตพุ่งชนสวนหลังบ้านของเขา บอลสีทองลอยขึ้นมา เซี่ยหลวน(นายเอก)อึ้ง บอลสีทองบอกกับเขาว่า ลองมาหลายวิธีแล้วแต่จักวาลก็ถูกทำลายทุกรอบ ครั้งนี้เลยตามหาความเป็นไปได้สุดท้ายนั้นก็คือเขา ขอให้เขาช่วยไปหยุดหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยเถอะ
เซี่ยหลวน(นายเอก)ที่คิดว่าตนเองคงไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงตกลง ก่อนจะโดนวาปมาอยู่ที่ดาวดวงหนึ่ง เขาตามบอลทองมาถึงสมาคมอนุบาลสัตว์ซอมซ่อ ก่อนจะเข้าใจว่าตนต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กในนี้
ไม่ใช่ว่าเขาต้องมาเป็น ฮีโร่กอบกู้จักรวาล..อะไรแบบนั้นหรอกเหรอ ถึงจะงงนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เงินก็ไม่มีที่พักก็ไม่มี เริ่มต้นที่นี้ก็ไม่เลวนัก เพราะแบบนี้เขาจึงเข้ามาสมัครงาน
ที่จริงแล้วคนที่จะมาเป็นพี่เลี้ยงไม่ต้องแข็งแรงมากได้ แต่กลับมนุษย์ที่แสนอ่อนแอแล้วงานนี้อาจจะไม่เหมาะกับพวกเขา ดังนั้นจึงไม่เคยมีพี่เลี้ยงที่เป็นมนุษย์มาก่อน แต่สุดท้ายเพราะขาดแคลนคนอย่างหนักเซี่ยหลวน(นายเอก)ก็ได้งานทำจนได้ เซี่ยฉี(เผ่าเซบิยา)ที่เป็นพนักงานบัญชี/ธุรการ/ต้อนรับ ก็พาเขาไปเดินดูสถานที่
เมื่อเข้ามาเดินดูข้างใน เขาก็เจออุบัติเหตุทันที ลูกมูกะตัวหนึ่งไล่กรวดพี่เลี้ยงอยู่ เมื่อเห็นคนผ่านมา พี่เลี้ยงชายร่างใหญ่เผ่าเซบิยาก็ล่อสัตว์มาทางนี้ทันที เซี่ยหลวน(นายเอก)ที่เป็นมนุษย์วิ่งช้าถูกทิ้งไว้เป็นเหยื่อล้อ ทันทีที่ล้มลงลูกมูกะก็ทับตัวเขาไว้ทันที ถึงจะดูน่ากลัวแต่เซี่ยหลวน(นายเอก)รู้สึกได้ว่าจิตสังหารไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขา แต่ยังจดจ้องอยู่ที่พี่เลี้ยงชาย ที่ไปหลบอยู่หลังบัญชีสาวอีกที
เขาเริ่มกล่อมลูกมูกะด้วยเสียงอ่อนโยนพลางลูบหัวมันไปด้วย อย่างไรก็เป็นลูกสัตว์เมื่อถูกปฏิบัติอย่างอ่อนโยน มันก็สงบลงในที่สุดทั้งยังชอบเขามาก เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย พนักงานชายคนนั้นที่วิ่งเร็วสุด หลบหลังผู้หญิงก็เดินออกมาโวยวายทันที เขาต้องการให้ผู้อำนวยการเอาสัตว์ไปทิ้ง อ้าปากแต่ละครั้งก็เรียกเผ่าพันธ์ระดับต่ำ
เซี่ยฉี(เผ่าเซบิยา)โมโห ส่วนเซี่ยหลวน(นายเอก)เองก็แดกดันเขา ทันทีที่คนๆนี้เดินเข้ามาลูกมูกะก็ตั้งท่าขู่ แค่เห็นก็พอนึกเรื่องราวได้ ลูกสัตว์ไม่มีทางอยู่ดีๆก็ทำร้ายคนได้ อีกฝ่ายร้อนตัวทันที แต่เขาก็ด้านพอจะลอยตัวต่อไป แน่นอนว่าท่านประธานไม่สนใจเรื่องทิ้งลูกสัตว์ เรื่องนี้จึงจบลง
เซี่ยหลวน(นายเอก)พาลูกมูกะกลับคอกทามกลางสายตาตะลึงของเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะทำความรู้จักคนอื่นเล็กน้อยแล้วกลับจัดห้องพักต่อ ระหว่างทำความสะอาดห้องเขาก็ได้รู้เรื่องราวของสาขาอนุบาลสัตว์นี้เพิ่ม ที่นี้มีประธานเป็นคนออกเงินลงทุนเพียงคนเดียว และถ้าสถานการณ์การเงินไม่ดีขึ้น อีก1-2ปีต้องต้องปิดตัวแล้ว
หลังจัดห้องเสร็จ พวกเขาก็ต้องกลับไปทำงานต่อทันที ตอนนี้เป็นเวลาให้อาหารของเหล่าลูกสัตว์แล้ว นอกไข่3ฟองยังไม่ฟัก ก็มีก้อนขนกลุ่มหนึ่งแล้ว ก็มีลูกมูกะ กับลูกเงือกด้วย น่าเสียดายที่เงือกน้อยต้องอยู่ในถังเพราะสระน้ำไม่มีคนทำความสะอาด ค่าแรงถูกขนาดนี้พี่เลี้ยงคนอื่นๆจึงทำแค่งานที่จำเป็นต้องทำเท่านั้น ไม่เปลือกแรงไปถึงจุดอื่น
ลูกมูกะถูกเพิงเฉยและมักได้อาหารเป็นตัวสุดท้าย เพราะเป็นเผ่าพันธุ์ดุร้าย แต่ครั้งนี้มันไม่ต้องรอนานอีกแล้วเพราะมีเซี่ยหลวน(นายเอก)ช่วยเตรียมอาหารให้ มันกินไปครึ่งหนึ่งก่อนจะแบ่งอาหารให้เซี่ยหลวนบ้าง มันยังคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอแบบนี้ต้องกินให้เยอะหน่อย แน่นอนว่าเซี่ยหลวน(นายเอก)อบอุ่นหัวใจไม่น้อย แต่เขาไม่ได้รับอาหารของเด็กและให้มันกินต่อ
เขาคิดจะเดินเข้าไปช่วยเซี่ยฉีผสมอาหารเด็ก(พี่เลี้ยงสาว/เผ่าเซบิยา) แต่เดินไปได้นิดเดียวก็ถูกลูกสัตว์เข้ามาเกาะขาไว้ เป็นลูกสัตว์ที่หน้าตาเหมือนแมวพัลลัส(Pallas) เซี่ยฉีหันมาเห็นก็อธิบายว่านี่คือลูกสัตว์เผ่าตาชีรา จากนั้นเซี่ยหลวน(นายเอก)จัดการป้อนนมให้มัน เซี่ยซี่มองนิ่งไป เท่าที่อยู่กันมาปกติลูกตาชีราหวงตัวและเย็นชาจะตาย แต่นี้กลับเข้ามาเกาะขาคนอื่นเนี่ยนะ
แล้วดูนั้น ปล่อยให้คนลูบหัวลูบตัวไม่หยุด แถมยังยอมให้เขาอุ้มโดนไม่ขัดขืนด้วย ความเย่อหยิ่งสันโดดเวลาปกติหายไปไหนแล้ว
หลังให้อาหารเสร็จพาลูกสัตว์กลังรัง เขาก็ถูกจ้าวชวน(พี่เลี้ยงชาย/เผ่าเซบิยา)ผลักงานเปลี่ยนน้ำลูกเงือกมาให้ แน่นอนว่าเขารับปากจัดการเอง โดยที่เซี่ยฉี(พี่เลี้ยงสาว/เผ่าเซบิยา)รู้สึกจนใจ พนักงานว่าง่ายเกินไปแล้ว เมื่อรับปากแล้วเธอก็ไม่ว่าอะไรแต่ส่งจ้าวชวนไปทำงานอย่างอื่น อยากอู้หรืออย่าหวัง!
เซี่ยหลวน(นายเอก)จัดการเปลี่ยนน้ำให้ลูกเงือกเป็นอย่างดี จากนั้นเขาจึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ถูกทิ้งเพราะเป็นใบ้ การพิการแบบนี้ก็เหมือนเสียพลังต่อสู้ด้วยเสียงของชาวเงือกไปแล้ว และเพราะร้องขอความช่วยเหลือไม่ได้ ตอนที่พบตัวก็เกือบแย่แล้วจริงๆ
ช่วงพักเซี่ยหลวน(นายเอก)ไปจัดการทำความสะอาดสระและซ่อมปั๊มน้ำ ที่จริงเขาก็ซ่อมเทคโนโลยีระดับสูงแบบนี้ไม่เป็นแต่หลังหยิบจับอยู่ครู่หนึ่งเขาก็รู้สึกปวดหัวอย่างไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา และปั๊มน้ำก็ใช่ได้ เซี่ยหลวน(นายเอก)ไม่ได้คิดมากกับอาการของตนเอง เมื่อทำความสะอาดจนใช่งานได้ เขาก็พาเงือกน้อยมาอยู่ในสระใหม่
ซึ่งเงือกน้อยก็ชอบมา จากถังพอดีตัวสู่สระกว้างที่เป็นของมันคนเดียว เงือกน้อยส่งคริสตัลจากน้ำตาให้ชายหนุ่มเป็นการขอบคุณ มันไม่ใช่ของมีค่าอะไรแต่เซี่ยหลวน(นายเอก)ก็ยินดีมาก
เวลาพักยังเหลืออีกนิดหน่อย เขาจึงกลับไปนอนที่ห้อง ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมายังโลกของตนเอง
ลู่หย่วน(เพื่อนสนิท)กำลังเรียกเขาอย่างตื่นตระหนก เซี่ยหลวนและที่สวนมีรอยหลุมและต้นไม้พังอยู่เหมือนเดิม หลังการอธิบายแบบน่าสงสัยเสร็จก็ส่งเพื่อนของตนกลับบ้านไป จากนั้นก็กลับมาครุ่นคิดถึงสิ่งที่พบเจอมา ก่อนจะเตรียมของพร้อมไปนอนดีๆเพื่อกลับไปอีกครั้ง และความจริงที่ปรากฏก็ยืนยันทฤษฎีของเขาแล้ว เขาพกของข้ามโลกได้ เป็นเหมือนการจำลองขึ้นมาใหม่ผ่านพลังของบอลทอง
ดูเหมือนในที่สุด ฮีโร่กู้โลกอย่างเขาก็มีพลังพิเศษกับเขาสักที เซี่ยหลวน(นายเอก)เริ่มคิดแล้วว่าจะเอาพลังนี้มาช่วยสมาคมอนุบาลสัตว์แห่งนี้ได้ยังไง หลังสำรวจตลาดประมูลซื้อขายอยู่สักพักเขาก็พบว่าดาวดวงนี้เด่นเรื่องพืช จากนั้นเขาก็กลับไปเอาบอนไซที่บ้านมาประมูล
2-3วันต่อมา บอลทองมีปฏิกิริยาพิเศษขึ้นมาแล้ว เขายังไม่ลืมเรื่องที่มันบอกว่าจะพาเขามากู้โลก พอเห็นมันเคลื่อนไหวก็ตื่นเต้นขึ้นมา มันพาเขามาถึงห้องฟักไข่ ที่นี่เซี่ยฉี(พี่เลี้ยงสาว/เผ่าเซบิยา)กำลังต่อว่าจ้าวชวน(พี่เลี้ยงชาย/เผ่าเซบิยา)ที่ละเลยการให้สารอาหารกับไข่ใบหนึ่งอยู่
จ้าวชวนกลับไม่ได้รู้สึกผิดสักนิดและบอกว่าไข่เสนียดใบนี้ไม่เห็นต้องดูแล
ไข่สีดำใบนี้คือ ไข่ของเผ่าพันธ์น็อกซ์ ผู้สร้างโรคนิลกาฬเมื่อ30ปีก่อน ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการแขนขาอ่อนแรง ก่อนจะสูญเสียการควบคุมร่างกายทุกส่วน แต่เดิมเผ่าทีนี้รุ่งเรืองมาก แต่เพราะทำการทดลองเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างไม่รู้จักพอ สุดท้ายเผ่าจึงล่มสลาย หลังทีมค้นหาอยู่ในซากเมืองหลวงเผ่าน็อกซ์ ก็พบไข่ใบหนึ่ง แม้จะโกรธแค้นที่เผ่านี้สร้างความเสียหายแก่จักรวาล แต่ด้วยศีลธรรมจึงต้องเก็บไข่มาอนุบาล
หลังสถานสงเคราะห์อื่นโยนไข่ใบนี้กันไปมา ผลสุดท้ายก็มาตกอยู่ที่นี้
หลังฟังคนโต้เถียงกัน เซี่ยหลวน(นายเอก)ก็เอ่ยปากขอดูแลไข่เอง ต่อให้ไม่มีบอลทองนำทางเขาก็คงจะทำแบบนี้
จ้าวชวนออกไปอย่างยินดีที่งานตนเองลดไปอีกหนึ่ง เซี่ยหลวน(นายเอก)ไม่ได้สนใจ เขาลูบไข่และเริ่มทาสารอาหารที่เปลือกไข่ ต่อให้เผ่าพันธุ์จะเลวร้ายแล้วยังไง เด็กคนนี้เป็นเพียงไข่ที่ยังไม่เกิดเท่านั้น เขาเป็นเพียงเด็กดีที่สั่งสอนเรื่องผิดถูกได้ ก่อนออกไปเซี่ยหลวนบอกกับไข่อย่างอ่อนโยนว่าให้รีบฝักนะ
ถ้าไม่มีใครคาดหวังให้ไข่ใบนี้ฝัก เขาจะเป็นคนคาดหวังเอง เพราะว่าชีวิตใหม่ที่ถือกำเนิดนับเป็นเรื่องน่ายินดีเสมอ
งานประมูลจบลงแล้ว เซี่ยหลวน(นายเอก)ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะได้เงินเท่าไร แต่เขาก็เริ่มวางแผนว่าตนอยากซื้อของเล่นให้ลูกสัตว์ เมื่อได้เงินแล้วก็อึ้งไปเพราะมันเยอะกวาที่เขาคิดไว้มาก เขาไปหาประธานสมาคมบอกแผนการลงทุน เมื่อออกมาจากห้องประธานก็เจอเซี่ยฉีฉะกับจ้าวชวนอีกแล้ว ครั้งนี้เธอกัดฟันกรอด ขู่ว่าไม่ช้าก็เร็วต้องถูกไล่ออกแน่
จ้าวชวนลอยหน้าลอยตาเหมือนเดิม เขารู้ว่าสภาพการเงินของสมาคมจ้างคนใหม่ไม่ได้ง่ายๆ ใครจะรู้ว่าอยู่ดีๆเซี่ยหลวน(นายเอก)ก็พูดออกมาง่ายๆว่านายถูกไล่ออกแล้ว แน่นอนว่าจ้าวชวนโวยวายเหยียดหยัน แต่เมื่อเห็นประธานเดินออกมาด้วยตนเองก็ตลกไม่ออก แม้จะโดนไล่แต่เขาก็ดื่อแพ่งจะอยู่อย่างน่าด้าน แต่ก็ถูกเซี่ยหลวนเรียกลูกมูกะมาขู่จนหนีไปในที่สุด
หลายวันต่อมา เซี่ยหลวนคอยไปทาสารอาหารให้ไข่ตลอด ช่วงที่เขากลับไปนอนเปลือกไข่ก็แตกร้าวและฝักออกมาเป็นตัว มันฉลาดมากและเริ่มรู้ตัวตั้งแต่อยู่ในไข่ ดังนั้นมันจึงรู้ว่ามีคนมากมายรังเกียจมัน อยากให้มันตาย และมีคนๆหนึ่งที่สัมผัสมันอย่างอ่อนโยนและรอคอยมันฝัก
หน้าหนาวที่เย็นยะเยือก แม้จะอยู่ในห้องควบคุมอุณภูมิก็ยังพาให้คนตัวสั่น แต่ลูกสัตว์พึ่งเกิดตัวนี้ไม่ยอมแพ้ มันออกมาจากห้องแล้วไปตามทางที่มืดมิด ตามร่องรอยของกลิ่นอายเบาบางนั้นไป แอบเปิดประตูและมุดเข้าไปในผ้าห่ม แอบมองใบหน้าอ่อนโยนนี้อยู่นาน
เมื่อเซี่ยหลวน(นายเอก)ตื่นก็ต้องอึ้ง ขนขาวปุกปุย นัยน์ตาฟ้า คล้ายแมวและกระต่าย มีเขาคู่หนึ่ง กำลังซุกผ้าห่มของเขาอยู่ เขาตกใจมากและรีบพากลับไปยังห้องคุมอุณภูมิ เตรียมนมให้มันกิน เด็กน้อยอ้อนเขามากทีเดียว
ตอนนี้เซี่ยหลวน(นายเอก)เริ่มเรียกช่างเข้ามาปรับปรุงสถานที่แล้ว สวยขึ้นมากจนเซี่ยฉีแทบจำไม่ได้ ส่วนตัวเขาพบว่าเมื่อจ่ายค่าปรับปรุงและจ้างผู้ดูแลใหม่และนักบัญชี ปรับเงินเดือนให้เป็นไปตามมาตรฐาน เงิน3ล้านของเขาก็หมดแล้ว ทุกอย่างใช่เงินกว่าที่คิดเยอะมาก และผู้ดูแลเองก็มีแบ่งเกรด ในตอนนี้เขามีเงินพอที่จะจ้างแค่ระดับธรรมดาสุดเท่านั้นเอง
ซาราดเป็นพลเอกที่มีผลงานอันเป็นที่ร่ำลือมากมาย แต่เขาต้องปลดระวางอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด คนนอกได้แต่เดาเหตุผล แต่จริงๆแล้วเขาโดนคนวางยาจนใช้พลังพิเศษไม่ได้ เขามาดาวดวงนี้เพื่อประมูลยา น่าเสียดายที่เมื่อกินแล้วไม่ได้ผล แต่แล้วเขาก็รู้ถึงพลังจิตสายหนึ่งที่ช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บของเขาได้ มันออกมาจากเซี่ยหลวน(นายเอก)ที่กำลังร้องเพลงกล่อมเด็ก เขารีบร้อนบุกเข้าไปหาโดนลืมคิดไปว่ารูปลักษณ์ภายนอกของตนเองไม่น่าดูนัก ที่ผ่านมา ตนเองใช่ชีวิตอย่างสิ้นหวัง เพราะใช่พลังที่ภูมิใจไม่ได้ ต้องวางมือจากงานอันทรงเกียรติ ระหว่างทางไม่ได้ดูแลตนเอง หนวดเครายาวเฟิ้มตอนนี้จึงดูเหมือนผู้ต้องสงสัยที่น่าระแวง
เขาพยายามอธิบายว่าตนเองต้องการความช่วยเหลือจากพลังของเซี่ยหลวน(นายเอก) เขาไม่ได้บอกว่าตนเองเป็นพลเอกเพราะกลัวอีกฝ่ายลำบากใจ แต่สัญญาว่าจะตอบแทนอย่างดีแน่นอน
เซี่ยหลวน(นายเอก)เห็นว่าอีกฝ่ายดูสกปรกมอมแมม คงมีความเป็นอยู่ไม่ดีนัก ด้วยเจตนาดีอยากช่วยเหลือและเห็นรูปร่างสูงใหญ่น่าจะทำได้ดี เขาจึงให้อีกฝ่ายมาเป็นยามเฝ้าประตู
ตั้งแต่นั้นมา ท่านอดีตพลเอกควบตำแหน่งอดีตผู้บัญชาการกองทัพพันธมิตรแห่งสหพันธ์ดวงดาวจึงมาทำงานเป็นยามหน้าประตูอยู่ที่นี่
เซี่ยหลวน(นายเอก)ฟังเรื่องอีกฝ่ายขอร้อง ถึงได้รู้ว่าตนเองก็มีพลังจิตเช่นกัน มิน่าเหล่าลูกสัตว์ถึงถูกกล่อมได้ง่าย แม้แต่ตอนซ่อมปั้มน้ำก็คงเป็นเพราะพลังจิต จากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก กลับไปดูแลสัตว์
มื้อกลางวัน ซาราด(ยาม/อดีตพลเอก)ออกจากป้อมมากินอาหารกลางวัน เขาก็ต้องตะลึงเมืองเห็นลูกน็อกซ์ ครั้งนั้นที่ทีมค้นหาเจอไข่ มันสัญญาณชีพที่อ่อนแรงมาก แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะฟักออกมา และเท่าที่เขารู้ดูเหมือนทางการจะมอบให้สมาคมอนุบาลที่3เป็นคนดูแล มันตกมาอยู่ที่สมาคนโนเนมแบบนี้ได้ยังไงกัน ยังไม่ทันได้ถาม เซี่ยฉีที่นั่งรอข้าวกลางวันอยู่ข้างๆก็บอกว่า วันนี้โชคดีแล้ว พึงมาใหม่แต่จะได้ชิมอาหารที่เซี่ยหลวนทำ
ซาราดไม่ได้สนใจเขาเคยเป็นถึงพลเอก มีของอร่อยที่ไหนที่ไม่เคยกิน จากนั้นเขาก็กลับคำ แทบอยากจะกลืนลิ้นตัวเองลงไปด้วย
เมื่อเซี่ยหลวนมาถึงดาวดวงนี้ก็พบว่า อาหารส่วนใหญ่เป็นเจลสารอาหาร มีร้านอาหารน้อยมาก ดังนั้นของที่เขาทำถึงได้รับความนิยมแบบนี้
สมาคมอนุบาลสัตว์ของพวกเขา โพสโปรโมตสาขาบนเน็ต แต่มันไม่ได้รับความสนใจมากนัก ซาราดจึงติดต่ออดีตผู้ใต้บังคับบัญชาให้ช่วย แชร์ครั้งเดียวโพสโด่งดังสุดขีด จากโพสนี้ทำให้พวกเขารักลูกสัตว์มาเพิ่มได้ เป็นลูกเคิร์ด ขนปุยแดงอ่อน รูปร่างคล้ายนก แม่เด็กเคยส่งลูกไปมาแล้วหลายสมาคม แต่ก็ยังทำให้ลูกบินไม่ได้ ถึงแม้เธอจะไม่คิดว่าเป็นปัญหาอะไร แต่พ่อเด็กไม่พอใจมาก จนแทบจะตัดพ่อตัดลูก เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ทำให้เขาขายหน้า
คุณแม่เคิร์ดพาลูกมาส่งที่สมาคมพร้อมเล่าเรื่องที่ลูกยังบินไม่ได้ให้ฟัง เซี่ยหลวน(นายเอก)ทักทายลูกเคิร์ด ได้ผลตอบรับที่ดีทีเดียว มันไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ส่งเสียงร้องตอบเขา แต่นั้นก็ทำให้คุณแม่ใจชื่นแล้ว เพราะที่ก่อนๆลูกของเธอไม่เคยร้องให้เลย จากนั้นคุณแม่ก็กลับไป
เซี่ยหลวน(นายเอก)พาเด็กใหม่ไปหาเด็กตัวอื่นๆ เขาให้กำลังใจจนมันยอมเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ แต่เมื่อพบ ลูกคูติ (ขนปุยขนเหลือง รูปร่างคล้ายนก) ลูกคอตโต (ขนปุยขนเทา รูปร่างคล้ายนก)มันก็คอตก ท่าทางไม่มั่นใจขึ้นมา เซี่ยหลวนพยายามปลอบมันอีกครั้งว่าเด็กคนอื่นต่างก็เป็นเด็กดีมาก ไม่ต้องกลัวนะ
ลูกเคิร์ดดีใจที่เขาไม่กดดันเรื่องที่มันบินไม่ได้เหมือนที่สาขาอื่นๆ ต่อมาเวลาเขาสอนมันบินยังคอยจุ๊บหัวให้กำลังใจอีกด้วย แม้ท่าทางตอนกระพือปีกจะไม่น่าดู แต่จากนี้ไปมันก็พยายามฝึกบินอยู่ทุกวัน ใครเห็นเป็นต้องใจอ่อนยวบ ให้กำลังใจมันไม่น้อย
เมื่อลูกเคิร์ดเริ่มบินได้ต่ำๆและฝึกฝนด้วยตัวเองแล้ว เซี่ยหลวน(นายเอก)ก็เริ่มว่างอีกครั้ง ซาราด(ยาม/อดีตพลเอก)จึงอาศัยจังหวะนี้เข้าไปพูดคุยถึงเผ่าพันธ์น็อกซ์ที่อีกฝ่ายอุ้มอยู่ตลอดเวลา หลังฟังข้อควรระวัง เซี่ยหลวนไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร แต่กลับขอให้ซาราดทำงานต่อไป หวังว่าเขาจะไม่มีอคติกับลูกสัตว์ ระหว่างนั้นเซี่ยหลวนก็ลูบปลอบอัยไปด้วย
อัยคือชื่อของลูกน็อกซ์ตัวนี้ ที่ทีมค้นหาเจอบันทึกไว้พร้อมไข่
เผ่าอื่นจะมีช่วงเวลาเด็กที่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่ก็10กว่าปีทั้งนั้น แต่ซาราดรู้ว่าลูกน็อกซ์ใช่พลังพิเศษได้เร็วมาก และมีช่วงวัยเด็กที่สั่น สมองจะโตเร็วมากเมื่อเทียบกับเผ่าอื่น เขายังนึกกังวลไม่น้อย แต่เมื่อเห็นลูกน็อกซ์ยอมให้มนุษย์ลูบตัว ลูบหางอย่างว่าง่าย เขาก็เริ่มคิดว่าคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
เซี่ยหลวน(นายเอก)พาอัย(ลูกน็อกซ์)เข้านอนตามปกติ ถ้าเขาไม่พาเข้ามา ตอนดึกอีกฝ่ายจะแอบเปิดประตูเอง แต่เช้าวันนี้ เขากลับผมเด็กหนุ่มหล่อเหลาผมเงินนัยน์ตาฟ้า แทนลูกสัตว์ขนปุยแทนซะนี้ เซี่ยหลวนอึ้งสนิท แต่อีกฝ่ายยังทำเหมือนตอนที่เป็นลูกสัตว์คืองับนิ้วของเขาไปมา
เดิมทีพอลูกสัตว์โตแล้วจะต้องปล่อยออกไปข้างนอก แต่เซี่ยหลวนในฐานะนายทุนควบรองประฐานเขาจึงให้อัย(ลูกน็อกซ์)อยู่เป็นพนักงานต่อ แต่เมื่อตกดึกจากเด็กหนุ่มก็กลับมาร่างลูกสัตว์อีกครั้ง เซี่ยหลวนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ล้มตัวลงนอนก่อน หลังจากนั้นสาขาพวกเขาก็ได้พนักงานกวาดใบไม้ ทำเสร็จแล้วก็กลับร่างเด็กมาเป็นหมอนอุ่น ช่วงนี้อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ เผ่าอื่นทนได้ แต่มนุษย์อย่างเขาใส่เสื้อผ้าหนาเท่าที่จะหนาได้แล้วจริงๆ
ตอนนี้ลูกเคิร์ด (ขนปุยแดงอ่อน รูปร่างคล้ายนก) บินได้แล้ว แต่เมื่อสูงสองเมตรก็มักจะตกลงมา เซี่ยหลวนเข้าไปฝึกมันอีกครั้ง เขาขึ้นไปยืนเป็นเป้าหมายให้ลูกสัตว์ เมื่อมีเป้าหมายและกำลังใจ ลูกเคิร์ดก็เอาชนะอดีตที่เคยถูกหัวเราะจากสมาคมอื่นๆได้ มันบินจนมาถึงตัวเซี่ยหลวนสำเร็จ
ผู้นำตระกูลวาเลน หรือพ่อเคิร์ดเขาต่อว่าภรรยาไม่หยุดที่เลือกสมาคมที่ไม่มีชื่อเสียง แต่ครั้งนี้คุณแม่เคิร์ดไม่ยอมถอย เธอไม่ได้ให้ลูกเปลี่ยนที่เรียน และไปเยี่ยมลูกหลังผ่านไปกว่า1เดือน เธอมาหาโดยที่เด็กน้อยไม่รู้เรื่องใดๆ ก่อนที่จะโดนเซอร์ไพรซ์ซะเอง ลูกของเธอบินเข้ามาในอก เด็กน้อยบินได้แล้ว
หลังปรับอารมณ์และพูดคุยถึงการฝึกของลูกที่ผ่านมาแล้วเธอก็อยากตอบแทน แม้ทุกคนจะบอกว่าไม่ต้อง แต่เธอก็ช่วยออกทุนสร้างตึกใหม่ให้ ทั้งตึกถูกออกแบบมาอย่างดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หลังกลับมาถึงบ้านแล้วพบสามีก็คิดได้ว่า การแสดงความรู้สึกกของที่บ้านก็ควรเปลี่ยนด้วย การถูกชมแล้วดีใจ ถูกตำหนิก็รู้สึกแย่ เป็นเรื่องพื้นฐานแต่เธอกลับลืมไป
เซี่ยหลวนตกลงพาเด็กๆเข้าร่วมมหกรรมการบินด้วยหลังจากที่เด็กๆแสดงความสนใจ แต่ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนจากหนาวเป็นอุ่นอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรเขาก็ไม่สบายจนเป็นลมไป วินาทีที่หัวเขาจะฟากพื้น อัยก็กลับร่างเต็มวัยเข้ามารับเขาไว้
เซี่ยฉีนำยามาให้อัย บอกให้เขาพาชายหนุ่มไปพัก อัยทำตามอย่างว่าง่ายแม้สีหน้าเย็นชา ระหว่างนี้ซาราดมองอยู่ตลอด หางของเผ่าน็อกซ์ปกติมีแต่ผู้ปกครองหรือคู่ครองที่จับได้ แต่ส่วนใหญ่การจับและลูบจะหมายถึงการขอความรักจากเจ้าของหาง เวลานี้เขาเห็นเผ่าน็อกซ์ตัวนี้เอานั้นพันตัวมนุษย์อย่างปกป้อง เมื่อถึงห้อง อัยก็ป้องยาและนอนกอดอีกฝ่ายใต้ผ้าห่ม
เซี่ยหลวน(นายเอก)ไม่มีสตินัก เขารู้สึกร้อน แต่ถีบผ้าห่มเท่าไรก็ไม่ขยับ จนกระทั้งมือคว้าบางสิ่งเย็นๆที่เอวได้ จากนั้นเขาก็นอนกอดมันคลายร้อนอย่างมีความสุข
ตอนเขาตื่นมาเห็นหางสีเงินที่ตัวเองกอดอยู่ก็อึ้งมาก เบนสายตามาก็เจอนัยน์ตาสีฟ้าเข้าจริงๆ ก็กระอักกระอ่วน แต่แล้วอีกฝ่ายก็เข้ามาคลอเคลีย และเรียกเขาว่าอาหลวน เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินเจ้าตัวพูดออกมาก่อนเลย
อัยอยากพูดชื้อนี้เป็นคำแรกเมื่อเขาโตเต็มวัย เขาเรียกอย่างตั้งใจให้ชายหนุ่มฟังชัดๆ จากนั้นถึงค่อยกลับไปเป็นร่างเด็ก สำหรับร่างลูกสัตว์ เซี่ยหลวนไร้ภูมิต้านทานเสมอ
เมื่อหายป่วย เซี่ยหลวนก็เริ่มให้นกทั้งสามฝึกทักษาะบินผาดโผน เมื่อไปถึงสนามจริงจะได้ไม่ตื่นตกใจ จากนั้นก็ถึงวันแข่งจริง นอกจากลูกนกทั้งสามก็มีอัย(ลูกน็อกซ์)ที่ตามไปด้วย เด็กคนนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เกาะเสื้อของเขาไม่ยอมปล่อย สุดท้ายแล้วเมื่อคิดถึงสถานะการณ์ของเผ่าน็อกซ์ เขาก็สวมผ้าคลุมดำให้อัยแล้วใส่ไว้ในเสื้อของตัวเองอีกทีนึง
ที่สนามแข่งคุณแม่เคิร์ดมารับและให้กำลังใจเด็กๆ เมื่อเข้าที่ลานเตรียมตัว เขาก็สรุปได้เลยว่าที่นี่คือสวรรค์ของคนรักลูกเจี๊ยบตุ้ยนุ้ย ในการแข่งครั้งนี้ผ่านการลุ้นของกองเชียร์ ลูกเคิร์ดของเข้าเส้นชัยเป็นตัวที่2 แต่เมื่อสรุปคะแนนออกมาเขาเป็นที่1 เพราะได้คะแนนจากการบินผ่านห่วงที่กำหนดมากกว่าอีกตัว ลูกคูติและลูกคอตโตก็ได้ที่5และ8อย่างสวยงาม ในงานครั้งนี้เขายังได้เห็นร่างเต็มวัยของเผ่าทั้งสามคือ หงแดง นกยักษ์สีทอง และเหยี่ยวอีกด้วย เป็นประสบการณ์ที่มีค่าของเด็กๆ
ก่อนกลับเขายังแวะบ้านของลูกเคิร์ด ช่วยคุณพ่อของเด็กแสดงความรัก ปรับตัวกับการชมให้กำลังใจ คุณพ่อเคิร์ดเองก็ดีใจมากที่ได้ใช่เวลาร่วมกับลูก โดยที่อีกฝ่ายไม่กลัวตนเองเหมือนทุกที
ในเน็ตมีสมาคมLออกมาเครมว่าครึ่งปีก่อน ลูกเคิร์ดตัวนี้เคยอยู่ที่สมาคมและมีพี่เลี้ยงใช่การปลุกพลังทุกวัน ทำให้เด็กที่บินไม่ได้กลับมาบินได้ในวันนี้ สมาคมนี้มีชื่อเสียงและติดอันดับต้นๆทำให้คนเชื่อและแห่ไปชื่นชม แต่คุณแม่เคิร์ดออกจดหมายขอบคุณสมาคมอนุบาลสัตว์อวิ๋นเป่า ที่แก้ปัญหาด้านจิตใจทำให้ลูกนกมีความกล้าที่จะบิน ผู้คนจึงรู้ว่าที่แท้ก็เป็นสมาคมเดียวกับที่ท่านพลตรีเคยแชร์นี่! (อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของซาราด)
สมาคมอนุบาลสัตว์อวิ๋นเป่าจึงตกเป็นที่สนใจของผู้คนอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาต้อนรับลูกสัตว์กลุ่มใหม่เข้ามา 5ตัวเป็นเผ่าลูกเจี๊ยบทั้ง3สี อีกตัวเป็นเผ่ามายาที่หน้าตาเหมือนลูกเต่า เด็กคนนี้มีปัญหาทรงตัวไม่ได้ มักจะหงายท้องชี้ฟ้าบ่อยๆ เซี่ยหลวนไม่คิดมากไว้ค่อยๆดูแลกันไป แต่ตอนนี้ลูกเงือกของเขาจะมีเพื่อนเล่นด้วยแล้ว หลังพาเพื่อนใหม่มาแนะนำและดูทั้ง2เล่นกันสักพักเขาก็คิดจะกลับ แต่แล้วลูกเงือกก็เรียกเขาไว้ มอบเกล็ดให้เขา เซี่ยหลวนไม่รู้ความหมาย แต่เขารู้ว่าตนเองได้รับความสำคัญดังนั้นจึงดีใจและขอบคุณมาก เขาจะนำไปเก็บรวมกับคลิสตัลที่ได้มาคราวก่อน
เมื่อคนอื่นๆรู้เขาก็อึ้ง ลูกเงือกมอบเกล็ดที่หลุดชิ้นแรกให้ชายหนุ่มมนุษย์ แปลว่าเห็นเขาเป็นผู้ปกครองแล้วจริงๆ เมื่อเซี่ยหลวนรู้ ความก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที ช่วงดึกเขาไปหาเงือกน้อยอีกครั้ง บอกกับเด็กว่าตนเก็บของไว้เป็นอย่างดีแล้ว จากนั้นเขาก็หยุด รอฟังสิ่งที่เงือกน้อยพยายามจะพูด ครั้งนี้เขาตั้งให้ฟัง และเงือกน้อยเองก็พยายามออกเสียงอย่างมาก
ใช่แล้ว ที่เงือกน้อยพยายามพูดมาตลอดหลายครั้งมานี้ คือคำว่าปะป๊า วันนี้เขาได้ยินชัดแล้วและขานรับออกไป หลังจากนี้ไม่ว่าลูกเงือกจะเรียกเขาสักกี่ครั้ง ต่อให้เป็นเพียงการเรียกที่ไม่ได้ต้องการอะไร เขาก็จะตอบรับเด็กคนนี้ทุกครั้งแน่นอน
เดิมทีลูกเงือกกลัวที่จะต้องอยู่ห่างจากน้ำมาก เพราะมันเคยถูกพามาทิ้ง แต่ตอนนี้มันเป็นฝ่ายจับเซี่ยหลวนไว้เอง ชายหนุมพาลูกเงือกและลูกมายามาบ่อเล็กของห้องสัตว์ ให้มันได้เล่นกับเด็กๆตัวอื่น
ตอนนี้เขาเอาเงินที่ได้จากการบริจาคมาสร้างสวนน้ำ รองรับสัตว์น้ำที่จะมาให้อนาคต ขณะที่กำลังถ่ายโปรโมตโซนใหม่อยู่เขาก็เท้าพลาดจนเกือบตกบันได้ ก็ได้อัยที่กลับร่างโตมารับเขาไว้อีกแล้ว หางสีเงินพันรอบเอว เมื่อเผชิญกับการอุ้มแบบนี้เขาก็กระอักกระอ่วนอีกแล้ว ถึงแม้ว่าตอนอัยอยู่ในร่างลูกสัตว์เขาจะเคยปลอบใจมันตัวการจูบหัวปุยๆของมันไปแล้วก็เถอะ
หลังทำใจอยู่ครู่หนึ่งเขาก็กลับสู่ปกติ อาจจะเพราะนอกจากกลายเป็นรูปร่างมนุษย์แล้ว นิสัยไม่ได้เปลี่ยนไปเลยล่ะมั้ง ถ้าดีใจหางของอีกฝ่ายจะยกขึ้นหรือมาเกี่ยวมือเขา ถ้าผิดหวังหางจะตก อย่างเช่นเวลานี้ เขาลูบผมปลอบ เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายกล่อมง่ายมาก ครู่เดี่ยวก็เอาแก้มมาถูไถเขาแล้ว
เซี่ยหลวนสังเกตเห็นรอยสีดำบางอย่างบนร่างของอัย เขาสังหรณ์ไม่ดีนัก แต่อัยก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร เขาคิดว่าคงต้องถามซาราดดู
หลังจากนั้นเขาก็ไปหาลูกเงือกอีกครั้ง น่าเซอร์ไพรซ์มากที่เด็กน้อยใช่พลังพิเศษได้ เขากลั้นน้ำเป็นน้ำแข็งแล้วนำมาเขียนเป็นคำว่าป๊ะป๊า หลังกล่อมเด็กน้อยที่ใช่พลังพิเศษจนง่วงให้ไปนอนแล้ว เขาก็นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับทุกคน ตอนนี้ทุกคนอึ้งจนไม่รู้ต้องอึ้งยังไงแล้ว ปกติแล้วเงือกมักใช่เสียงเป็นสื่อกลางส่งต่อพลัง แต่เงือกน้อยไม่ต้องใช่สื่อกลาง และยังเป็นพลังน้ำแข็งที่หายากสุดๆ พบได้1ในหมื่นอีกด้วย
แต่หลังจากอึ้งแล้วสิ่งต่อมาของพวกเขาคือความยินดี เงือกน้อยที่ใช่พลังได้เป็นครั้งแรกเขียนคำว่าป๊ะป๊าให้ผู้ปกครองของตัวเองดู เด็กน้อยที่ถูกทอดทิ้งเพราะไม่พลังพิเศษ ตอนนี้ได้ครอบครัวใหม่และค้นพบพลังอีกต่างหาก เป็นเรื่องที่ดีมากๆที่สุดเรื่องหนึ่งเลย
จบเรื่องนี้เซี่ยหลวนก็ถามซาราดว่าพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับรอยดำบ้างไหม ซาราดเองก็ไม่รู้และมันก็ไม่ใช่โรคนิลกาฬด้วย แต่เขาก็นึกออกขึ้นมาเรื่องหนึ่ง เดิมทีตอนพบไข่ใบนี้ที่เมืองหลวงน็อกซ์มันเป็นสีขาว แต่เพราะอะไรถึงกลายมาเป็นสีดำแบบตอนนี้ก็ไม่มีใครดู
นอกจากเรื่องนี้ซาราดยังได้เลื่อนขั้นจากยามเป็นครูสอนการต่อสู้แล้ว เขาเป็นคนเสนอตัวเองเมื่อเห็นว่าขาดคน เขาเองก็อยากกสอนลูกเงือกที่มีพลังกลายพันธ์แบบนี้เหมือน
วันหนึ่งเซี่ยฉีก็พบว่านักสืบชาวเน็ตบอกว่าลูกเงือกของสมาคมเธอเหมือนตระกูลฮาวดี้ เธอมานั่งดูปรากฏว่าใช่จริงๆ แต่จะบอกว่า1ใน4ตระกูลใหญ่ของเผ่าเงือกทิ้งลูกของตัวเองงั้นเหรอ! ข้อมูลนี้น่าตะลึงเกินไป เธอรีบเอาไปให้ทุกคนดู ขณะที่ทุกคนมึนงงว่าต้องทำยังไงต่อ เซี่ยหลวนก็บอกว่าถ้ายืนยันได้ว่าเขาทอดทิ้งเด็ก เขาก็ไม่ต้องทำอะไร ตอนนี้เงือกน้อยมีความสุขดี ไม่เกี่ยวกับอดีจะเคยเป็นใครมาก่อน
ทุกคนค่อยได้สติ จะว่าไปถ้าตระกูลใหญ่บังเอิญทำลูกหาย คงจะประโคมข่าวไปทั่วจักวาลแล้ว แต่นี้ไม่มีการออกตามหาใดๆ เวลานี้ชาวเน็ตทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพวกเขาอยากรับตัวกลับไป ไม่ว่าจะเต็มใจรึไม่ พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์ขวาง แน่นอนว่าเซี่ยหลวนต้องขวางแน่ แต่ทุกอย่างคงต้องงดูอนาคต
ซาราดได้รู้เรื่องนี้เป็นคนสุดท้ายในคาบเรียนพลังจิตของลูกเงือก เขาฟังเรื่องราวแล้วมั่นใจจากประสบการณ์ได้เลย ว่าลูกเงือกถูกทิ้งแน่นอน แต่เมื่อคำนึงถึงผลประโยชน์เขาแนะนำให้ส่งลูกเงือกกลับไป เด็กมีพลังน้ำแข็งหายากแบบนี้อนาคตต้องกลายเป็นผู้นำตระกูลแน่
แต่ทันทีที่เขาพูดจบ เงือกน้อยก็ร้องไห้โหออกมา ผู้ใหญ่2คนตรงนั้นตกใจมาก เซี่ยหลวนรีบอุ้มเงือกน้อยมาปลอบ สัญญากับเขาว่าจะไม่มีทางไปไหนแน่นอน ส่วนเงือกน้อยเองจากการร้องไห้อย่างหนักและการพยายามร้องเรียก ตอนนี้เขาออกเสียงป๊ะป๊าได้ชัดเจนมาก ซาราดไม่ได้เจตนาร้ายจริงๆนะ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวร้ายในนิทานไม่มีผิด เขานึกกว่าถ้าเด็กโตขึ้นและเข้าใจว่าอำนาจคืออะไรคงจะเลือกทางนั้น แต่เมื่อมองเงือกน้อยที่กอดชายหนุ่มแน่นแล้ว เขาก็รู้ว่าเงือกน้อยต้องการเพียงเติบโตไปพร้อมการดูแลจากป๊ะป๊าของเขาเท่านั้นเอง
หลังเห็นทั้งคู่กอดกันแน่นแบบนี้เขาก็บอกว่าตนเองมีเส้นสาย จะลองหาทางช่วยดู
ฝั่งซาราดเริ่มลงมือ ฝั่งตระกูลเงือกฮาวดี้ก็รู้เรื่องจากเน็ตแล้วเหมือนกัน สองสามคนเริ่มนั่งไม่ติด พวกเขารู้แก่ใจดีว่าความจริงคืออะไร เพราะว่าชื่อเสียงตระกูลคือที่สุด การมีเด็กที่ใช่พลังไม่ได้นั้นเป็นเรื่องที่ด่างพร่อย และเจตนาเดิมที่นำไปทิ้ง ก็เพื่อให้ตายไปเงียบๆ พวกเขาสั่งการให้ไปรับตัวเด็กและปิดปากคนในสาขาเล็กๆนั้น
คนที่มารับเอง ถือว่าตนเป็นคนของตระกูลใหญ่ก็ไม่ได้ให้เกียรติอะไร ยิ่งเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์ที่แปลว่าพลังกลายพันธุ์ เขายิ่งคิดว่าจะต้องพาเงือกน้อยกลับไปให้ได้ เมื่อโดนปฏิเสธก็ใช่เงินฟาดหัวกลับอย่างมั่นใจ สุดท้ายเมื่อโดนไล่ เขาก็ได้แต่รายงงานผู้นำตระกูลแล้วส่งเรื่องขึ้นศาล
เขาไม่เชื่อหรอกว่า สมาคมอนุบาลสัตว์เล็กๆจะเอาอะไรมาสู้ตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาได้
หลายวันต่อมา ผู้นำตระกูลฮาวดี้เดินทางมาที่ศาลด้วยตัวเอง พร้อมกันยังสั่งให้มีการไลฟ์และปั่นกระแสในเน็ตด้วย
ในการดำเนินคดีครั้งนี้ ซาราดก็มาดาวชิโลรินที่เป็นที่ตั้งของศาลเป็นเพื่อนเซี่ยหลวนด้วย แต่เขาไม่ต้องการออกหน้า เพียงแต่ติดต่อคนสนิทและให้เขานำทางเซี่ยหลวนไปศาล ที่ลานดำเนินคดี ได้ทำการเปิดความขึ้นมา ทางตัวแทนตระกูลยืนยันว่าตนมีสิทธิ์ในตัวลูกเงือก แต่อีกฝ่ายไม่ยอมมอบให้
เซี่ยหลวนแสดงเจตนาดูแลลูกสัตว์ทุกตัวให้ปลอดภัย จากนั้นส่งเรื่องให้ทนายความพูดต่อว่า ตระกูลฮาวดี้เจตนานำลูกสัตว์มาทิ้ง โดยมีพยานบุคคลเป็นคนใช้ที่ได้รับคำสั่ง และชาวบ้านที่พบเจอเงือกน้อยที่ลานขยะ มีหลักฐานเป็นในเสร็จค่ารักษาพยาบาลการขาดน้ำของเงือกน้อยก่อนส่งตัวให้สมาคมอนุบาล
ด้วยหลักฐานที่มัดแน่น เซี่ยหลวนได้สิทธิ์ดูแลเงือกน้อย ส่วนตระกูลฮาวดี้แทบพังพินาศด้วยการขึ้นศาลครั้งนี้
หลังจัดการเรื่องนี้เสร็จเขายังพาเงือกน้อยไปรับเทพจากเทพสมุทรที่ดาวบ้านเกิดของเหล่าเงือกด้วย เด็กน้อยของเขาถูกทอดทิ้งจนพลาดพิธีสำคัญของเผ่าพันธ์ไป ทั้งทีที่จริงแล้วพิธีไม่ได้ยุ่งยากเลย แค่นำน้ำจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์กลางเมืองมาเจิมหน้าผากก็ได้แล้ว นอกจากทำให้พิธีอวยพรให้เงือกน้อยแล้ว เขาก็ยังทำให้อัยที่หลบอยู่ที่อกด้วย หวังว่าเด็กน้อยที่ถูกผู้คนเกียจชังโดยปราศจากความผิดจะได้รับการอวยพร
จากนั้นก็พาลูกเงือกชมเทศกาล เด็กน้อยเห็นผู้ปกครองของตนปรบมือให้ลูกเงือกคนอื่น เขาจึงขอออกไปลองร้องเพลงดูบ้าง เพียงครู่เดียวผู้คนก็อึ้งกันหมด พวกเขาที่เป็นเงือกรับรู้จากเสียงนั้นได้เลยว่า เด็กคนนี้มีพลังมากกว่าคนอื่น2-3เท่า
(จบเล่ม1)
Social Plugin