(สปอย์) ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย เล่ม3

 [คำเตือน]


เนื้อหาโพสนี้คือการ สปอย์  ถ้าต้องการอ่านรีวิว *กด*

ต้องการอ่านสปอย์ เลื่อนลงได้เลย ♥

 

    (สปอย์) ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย เล่ม3

    ต่อจากเล่ม2 หลังจากเจอกับปีศาจประหลาดบุกและได้ไป๋เยวี่ยหู(พระเอก)เข้ามาช่วยจนบาดเจ็บแล้ว ในที่สุดก็ถึงวันเกิดของลู่ชิงจิ่ว(นายเอก) กล่องของขวัญที่คุณยายทิ้งไว้ก็สามารถเปิดสักที ในนั้นมีสมุดบันทึกของคุณยายที่เขียนไว้ตั้งแต่ยังสาว ไปจนถึงเขียนเตรียมไว้ให้ลู่ชิงจิ่วอ่านหลังเธอจากไป

    ในบันทึกคุณยายกล่าวไว้เพียงสั้นๆหมู่บ้านสุ่ยฝูมีน้ำ และมีความลับมากมายที่เธอไม่อยากให้หลานของตนรู้มากเกินไป ลู่ชิงจิ่วไม่เข้าใจคำกล่าวที่บอกว่ามีน้ำมากนัก เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยเห็นน้ำที่ว่า ต่อมาเขาก็ได้เห็นบันทึกความรักระหว่างคุณยายกับผู้เช่าบ้านของเธอเอง ลู่ชิงจิ่วไม่แน่ใจว่าคนๆนี้จะเป็นคุณตาของตนหรือไม่ เรื่องราวเริ่มอย่างสวยงามก่อนจบลงอย่างไม่ดีนัก คุณยาวกล่าวว่าเขาเปลี่ยนไป จากนั้นลู่ชิงจิ่วก็ตีความบันทึกช่วงท้ายได้ว่า คุณตาของเขาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับไป๋เยวี่ยหู และเขาอาจจะกินพ่อแม่ของตนเข้าไป

    คุณยายกล่าวว่า เราต้องปกป้องผู้เช่าบ้านแต่อย่ามีความรู้สึกให้เด็ดขาด ซึ่งลู่ชิงจิ่วก็ไม่เข้าใจเหมือนเดิม ทำไมต้องปกป้องคนที่เก่งกว่าตัวเองด้วยล่ะ แล้วถ้าต้องทุมเทความใส่ใจของอีกฝ่าย จะไม่มีความรู้สึกให้ได้หรือ สิ่งที่ชัดเจนที่สุดในบันทึกนี้คงเป็นคุณยายอยากให้เขาไปจากที่นี้ เมื่อจากไปแล้วก็อย่ากลับมา

    น่าเสียดายที่โชคชะตาก็ยังนำพาเขากลับมาที่นี่อยู่ดี

    เขานำบันทึกไปหาไป๋เยวี่ยหูที่นอนอยู่ อีกฝ่ายเองก็ตื่นขึ้นมาคุยกับเขา เมื่อเล่าความคิดของตัวเองให้ฟังไป๋เยวี่ยหูกลับไม่เห็นด้วย เผ่าพันธุ์ของเขา นอกจากศัตรูก็จะกินแต่คนที่ชอบ หากจะกินจริงๆคนๆนั้นคงจะกินคุณยายของลู่ชิงจิ่วมากกว่า ลู่ชิงจิ่วต่อต้านคำพูดนี้อยู่บ้าง เพราะความจริงก็เห็นอยู่ว่า พ่อแม่ของเขาเสียแล้วและคุณยายก็เข้าใจแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงถามต่อ พวกนายถูกบังคับได้ด้วยเหรอ คำตอบของไป๋เยวี่ยหูก็คือ นอกจากหมู่บ้านแห่งนี้ ทุกที่ล้วนเป็นต่างแดน พวกเขาไม่ได้ไร้เทียมทานอย่างที่ใครคิด

    ดวงตาของลู่ชิงจิ่วคลอด้วยน้ำตา ไม่ว่าจะเหตุผลไหน เรื่องที่เขาเสียพ่อแม่ก็ไม่มีวันเปลี่ยน เขาถามคนที่อยู่ตรงหน้า นายจะกินฉันไหม ลู่ชิงจิ่วไม่รู้จะเสียใจหรือโกรธดี เพราะไป๋เยวี่ยหูเงียบไปนานกว่าจะตอบว่าเขาจะพยายามยับยั้งตัวเอง

    และไป๋เยวี่ยหูก็บอกว่ามังกรตัวนั้นคือเรื่องสยองที่เขาพาไปดู เขาเชื่ออยู่ดีว่ามันไม่ได้เป็นคนกินแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ปฏิเสธความผิดนี้ และเมื่อเห็นลู่ชิงจิ่วรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เขาก็ถามด้วยความประหม่าว่าอีกฝ่ายจะไปจากที่นี่ไหม เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ไปไหนถึงยิ้มออกมาได้ ก่อนจะเข้ากอดแล้วเอาหน้าถูไถกับแก้มอีกฝ่าย

    ลู่ชิงจิ่วมองคนที่อ้อนตนด้วยความตื่นเต้น ยังดีที่เขาอยู่ในหมู่บ้านมาระยะหนึ่งแล้ว ถ้าอยู่ๆพึ่งมารู้เรื่องราวเขาอาจจะไปจริงๆก็ได้...

    ถึงจะได้รู้เรื่องน่าเศร้าตั้งแต่เช้า แต่วันนี้ก็เป็นวันดีๆที่สนุกสนานมากอีกวัน อิ่นสวิน(เพื่อนสนิท)จูเหมี่ยวเหมี่ยว(เพื่อนที่อดีตที่ทำงานนายเอก)เจียงปู้ฮ่วน(ดาราดัง) ช่วยกันทำเค้กและอาหารมือใหญ่ให้เขา แน่นอนว่าท้องเสียจากฝีมืออิ่นสวินไปตามระเบียบ ทั้งๆที่ก็มีอีก2คนช่วยดูอยู่แท้ๆ น่าตากับรสชาติก็อร่อยแท้ๆ แต่กว่าจะออกจากห้องน้ำมาได้ เกือบเอาชีวิตไม่รอดเลยทีเดียว

    หลังจากนั้นเขาก็ได้รับของจากเพื่อนๆและสัตว์ในบ้าน ทุกชิ้นทั้งน่าสนใจและคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว

    หัวค่ำ ไป๋เยวี่ยหูเองก็เข้ามามอบของขวัญให้เขาเช่นกัน อีกฝ่ายพาเขาขึ้นหลังไปยังสถานที่หนึ่ง ทั้งผ่านหมอก สัตว์พิศวง และมหาสมุทรกว้างใหญ่ ก่อนจะพาเขาดำน้ำลึกลงไป ที่นี่คือบ้านเกิดของไป๋เยวี่ยหู เขาอยากลู่ชิงจิ่วได้เห็นที่ๆเขาเคยอยู่

    ลู่ชิงจิ่วเอื่อมมือไปลูบเกล็ดของอีกฝ่ายเป็นระยะเพราะรู้สึกว่ามันให้สัมผัสที่ดีมาก ไป๋เยวี่ยหูเองก็คงเป็นห่วงว่าเขาจะกลัวจึงชวนคุยมาตลอดทาง และแล้วก็ถึงบ้านเก่าของไป๋เยวี่ยหู มันเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีทางแยกมากมาย ตลอดทางใช้ไข่มุกที่สว่างจนเหมือนกลางวัน เขาเดินตามทางสายหลักที่ตกแต่งเรียบง่ายกว่าทางอื่นจนมาถึงห้องอีกฝ่าย

    ข้างในมืดอยู่ครู่หนึ่งถึงมีแสงสว่างปรากฏขึ้น เมื่อเห็นของตรงหน้า ลู่ชิงจิ่วไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะให้ของสำคัญกับเขาแบบนี้ มันคือเขามังกรที่งดงามมากจนเขาอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือเข้าไปลูบ และทั้งๆที่เขามังกรก็อยู่ตรงหน้า ไป๋เยวี่ยหูกลับต้องหาข้ออ้างมามอบให้ ไม่ยอมรับว่านี่เป็นเขาของตัวเอง และในที่สุดลู่ชิงจิ่วก็ได้รับเขาขนาดย่อส่วนร้อยกับสร้อยเป็นอย่างดี

    วันรุ่งขึ้นพอเข้าตื่นนอนเพื่อนๆก็สังเกตุเห็นสร้อยคอทันที อิ่นสวิน(เพื่อนสนิท)เห็นแล้วเบิกตากว้าง

    ด้านไป๋เยวี่ยหู(พระเอก)กำลังดูสารคดีสัตว์ บนจอคือครอบครัวจิ้งจอก ลู่ชิงจิ่ว(นายเอก)เห็นเขากำลังดูอย่างจริงจังก็รู้สึกขำอยู่ในที จากนั้นเขาก็กลับไปทำอาหารต่อ เพียงครู่เดียวอิ่นสวิน(เพื่อนสนิท)ก็วิ่งโร่มาบอกว่าไป๋เยวี่ยหูกำลังดูหนังโป๊อยู่ ถึงแม้จะคิดว่าไม่น่าใช่ แต่เขาก็เป็นห่วงว่าอีกฝ่ายจะกดรีโมตไปเจออะไรแปลกๆ เพราะไม่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีพอ

    แต่พอออกมาเท่านั้นแหละ ในทีวียังเป็นรายการสัตว์โลกน่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือฤดูผสมพันธ์ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่กำลังตั้งใจดูเป็นพิเศษ ลู่ชิงจิ่วรู้สึกกระอักกระอ่วน แล้วกลับมาหาอิ่นสวินก่อนจะโดนถามว่าหน้าแดงทำไม เมื่อโดนจี้มากๆลู่ชิงจิ่วก็เปลี่ยนเขินอายกลายเป็นโกรธแทนแล้ว

    ข้างนอกจูเหมี่ยวเหมี่ยวไม่รู้ตัวจริงของทุกคนในบ้าน ดังนั้นจึงเข้ามานั่งดูแล้วยังชวนคุยเรื่องนี้อีก คนหนึ่งถามคนหนึ่งตอบ แต่เหมือนยิ่งตอกย้ำว่ามนุษย์ชอบจิ้งจอกขนฟูเข้าไปใหญ่ ลู่ชิงจิ่วอยากออกไปหยุดบทสนทนานี้เหลือเกินพอมีจังหวะก็รีบเข้าไปเปลี่ยนเรื่องทันที ระหว่างนี้เขารู้สึกอายต่อสายตาและคำถามไป๋เยวี่ยหูเป็นพิเศษ

    พอหนีจากหน้าทีวีเข้าห้องครัวมาได้ จูเหมี่ยวเหมี่ยวก็ชวนคุยไปถึงหัวข้อ18+ของโลกสัตว์ซะอย่างนั้น แต่ละประโยคทำให้เขาร้อนตัวอีกแล้ว และใครจะรู้ว่าไป๋เยวี่ยหูมายืนหน้าประตูครัวเมื่อไร แล้วทำไมต้องโกรธเขาด้วยล่ะนี่

    เจียงปู้ฮ่วน(ดาราดัง)มาอยู่ที่นี่เกือบสัปดาห์แล้ว ถึงปัญหาจะยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่จะให้อยู่ต่อไปก็คงไม่ได้ เวลานี้ความลับที่ไม่ควรรู้ของบ้านของก็ได้รู้ไปไม่มากก็น้อยแล้ว อย่างเช่นในบ้านดูเหมือนจะมีแค่เขาและเจ้าของบ้าน แค่2คนที่เป็นมนุษย์..ใช่ไหมนะ

    เจียงปู้ฮ่วนเข้ามาขอบคุณที่ให้เขารบกวนอยู่นาน ก่อนจะถามเรื่องความปลอดภัย ลู่ชิงจิ่วจึงไปถามไป๋เยวี่ยหู จากนั้นจึงได้รู้ว่าหมู่บ้านสุ่ยฝู่มีความพิเศษคือเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง2ดินแดน ส่วนเขาและเจียงปู้ฮ่วนนั้นมีความคล้ายกันนั้นก็คือ มีสายเลือดของผู้พิทักษ์เขตแดนเหมือนกัน แต่สายเลือดของคนอย่างพวกเขานั้นบอบบางและขาดตอนง่ายมาก ครอบครัวเจียงปู้ฮ่วนนั้นคงไม่ได้ดูแลดินแดนนานแล้ว จนไม่รู้ถึงเรื่องพวกนี้มาก่อน

    หากสายเลือดผู้พิทักษ์ตายในเขตแดน ผู้ที่เป็นเจ้าของดินแดนนี้ก็จะได้รับผลกระทบอย่างการแปดเปื้อน ส่งผลต่อวิญญาณ

    ไป๋เยวี่ยหูไม่สามารถให้เจ้าดาราคนนี้มาอยู่บ้านเขานานกว่านี้ แต่ถ้าปล่อยไปก็คงตายทันทีที่ทางออกหมู่บ้าน เขาจึงคิดจะจัดการทุกอย่างให้จบ ลู่ชิงจิ่วเป็นห่วงแต่ก็ได้แต่ให้กำลังใจเขา

    ลู่ชิงจิ่วทำอาหารเลี้ยงส่งเจียงปู้ฮ่วนสักหน่อย แต่นอนว่าเขาไม่ได้บอกเจ้าตัวว่ากำลังจะกลายเป็นเหยื่อล่อ แต่ท่าทางตอนคีบอาหารให้อีกฝ่ายทำเอาอิ่นสวินกลัวไปเลย ส่วนทางดาราดังนั้นกินอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นลู่ชิงจิ่วก็บอกให้อีกฝ่ายออกไปเดินย่อย

    เจียงปู้ฮ่วนเองจากประสบการณ์เฉียดตายหลายครั้ง เขาไม่กล้าไปไหนไกลอยู่แล้วเขาจึงเดินอยู่แถวนี้ ใครจะรู้ว่าอยู่ดีๆจากหนังสโลไลฟ์บ้านนา จะกลายเป็นหนังผีไปได้ เดินอยู่แค่สวนหน้าบ้าน เขากลับเจอผีบังตาจะๆ ทำยังไงก็หาบ้านไม่เจอ ตอนนั้นเองที่สัตว์ประหลาดก็โพล่มา เมฆดำกลายเป็นมังกรยื่นกรงเล็บหมายพรากชีวิต

    สร้อยพระที่คอของเขาสร้างเขตป้องกันขึ้นมาอีกครั้ง และในเวลาไล่เลี่ยกันมังกรอีกตัวก็ปรากฏตัวขึ้น เป็นมังกรสีดำตัวใหญ่ เขาสีขาวรูปลักษณ์งดงามท่าทาสง่า ส่วนสัตว์ประหลาดที่โจมตีเขาเป็นมังกรสีดำเช่นเดียวกัน แต่มีเขาสีดำ ในปากมีดาบเหล็ก

    จากนั้นการต่อสู้รุนแรงก็เริ่มขึ้น เพียงแค่มองก็มีผลกระทบถึงตายได้ แม้จะมีเขตป้องกันกันแต่เจียงปู้ฮ่วนก็สลบไปกลางฝนเลือด เมื่อการต่อสู้จบลงมังกร2ตัวก็ไม่อยู่แล้ว จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงลู่ชิงจิ่วที่หน้าบ้าน ดูเหมือนไป๋เยวี่ยหูจะบาดเจ็บไม่น้อยเลย

    ลู่ชิงจิ่ว(นายเอก)ทำอาหารออกมาให้ไป๋เยวี่ยหู(พระเอก)กินฟื้นฟู จากนั้นก็จัดการทำความสะอาดบาดแผล และชุดสกปรก เห็นแผลพวกนี้แล้วได้แต่ปวดใจ จากนั้นเขาเฝ้าอยู่ข้างอีกฝ่ายอย่างนั้นทั้งคืน

    ขณะเดียวบาดแผลทำให้ไป๋เยวี่ยหู(พระเอก)ทรมาณไม่น้อย แต่กลิ่นอายของลู่ชิงจิ่วที่นั่งอยู่ข้างๆทำให้เขารู้สึกสงบและปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในที่สุดเขาก็พล็อยหลับไปจริงๆทั้งทีเขาไม่ได้หลับสนิทแบบนี้มานานแล้ว

    เช้าวันต่อมาไป๋เยวี่ยหู(พระเอก)ก็บอกให้เจียงปู้ฮ่วนกลับไปได้แล้ว ลู่ชิงจิ่ว(นายเอก)แอบขำกับท่าทางไล่คนเล็กน้อย มือเช้าเขาจึงเอาไปบอกดาราดัง เมื่อเจียงปู้ฮ่วนถามว่าเขาจะกลับมาที่นี่ได้ไหม ลู่ชิงจิ่วก็คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะชอบที่นี่จริงๆ ตอนบ่ายอิ่นสวิน(เพื่อนสนิท)อาสาไปส่งคนในเมืองเอง ให้ลู่ชิงจิ่วได้ดูแลไป๋เยวี่ยหูต่อ

    หลังไป๋เยวี่ยหูพักมาทั้งวัน เขาก็ออกมานั่งที่เก้าอี้โยกตัวโปรดอีกครั้ง ลู่ชิงจิ่วถามถึงสิ่งที่ทำร้ายอีกฝ่าย และได้รู้ว่าเมื่อมีโอกาสมันจะกลับมาอีกครั้ง แสงกำเนิดเงาเป็นวัฏจักรอย่างหนึ่ง

    จากนั้นไป๋เยวี่ยหูก็พูดอย่างจริงจังว่ามีบางอย่างให้อีกฝ่ายดู เขาลุกขึ้นและหางสีขาวขนฟูก็ปรากฏ ลู่ชิงจิ่วพูดไม่ออกก่อนจะกลายเป็นขำ เขาไม่ใช่พวกคลั่งขนจริงๆนะ ถึงมือที่กำลังลูบหางอยู่จนดูไม่น่าเชื่อถือก็เถอะ และจริงๆแล้วเขาไม่ได้กลัวร่างจริงของอีกฝ่ายสักนิด ถึงจิ้งจอกปลอมบ้านเขาจะไม่เชื่อจนต้องหางมาติดให้ตัวเองแบบนี้ก็เถอะ

    ทำหางหลุดก็หามาติดใหม่ มีใครน่ารักแบบจิ้งจอกบ้านเขาบ้าง

    หลังเผลอหลับไปในกองหางแสนนุ่มและอบอุ่น ลู่ชิงจิ่วก็ตื่นขึ้นมา เขาเตรียมไปทำข้าวเย็นแต่ก็เห็นว่าอิ่นสวินยังไม่กลับ เมื่อโทรหาแล้วรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เป็นไรก็สบายใจและทำอาหารต่อ ไม่ได้รู้เลยว่าลูกชายโง่ถูกใครบางคนข่มขู่ให้กลับบ้านช้า อิ่นสวินปาดน้ำตา ว่าที่แม่เลี้ยงของเขาใจร้ายเหลือเกิน ไม่อยากคิดถึงชีวิตหลังจากนี้เลยสักนิด เฮ้อ

    หลังเจียงปู้ฮ่วนจากไปครอบครัวก็ใช่ชีวิตเกษตรกรอย่างสงบสุข ทำสวน ปลูกผัก ฆ่าหมูขาว สมกับเป็นฤดูใบไม้ผลิที่งดงาม

    เข้าเดือนเมษา อากาศที่ร้อนขึ้นทีล่ะนิดส่งผลให้เสื้อผ้าบนตัวก็บางลงทีล่ะชั้นเหมือนกัน คืนวันนี้อากาศดีมาก พวกเขาเปิดเบียร์เอากับแกล้มออกมาพร้อมชมจันทร์ อิ่นสวินกำลังเล่าประสบการณ์ในฐานะเทพภูเขา อยู่ดีๆท้องฟ้าก็ร้องคำราม ไป๋เยวี่ยหูหน้าเปลี่ยนสีและบอกให้พวกเขารอที่นี้ก่อนหายตัวไปทันที

    ท้องฟ้าด้านบนราวกับถูกทำลาย เกิดรอยแยกสีแดงเป็นทางยาว ก่อนจะมีเมฆสีดำทลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ลู่ชิงจิ่ว อิ่นสวิน รีบกลับเข้าบ้าน เมื่อเข้ามาข้างใน อิ่นสวินก็ตัวสั่นล้มลงด้วยความกลัวแล้ว เขาเล่าว่าวันที่เกิดเรื่องกับพ่อแม่ของลู่ชิงจิ่ว ท้องฟ้าก็เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ เขาที่เป็นเทพภูเขากลับสัมผัสและมองไม่เห็นเลยว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น ราวกับพลังทั้งหมดถูกกดทับ

    ลู่ชิงจิ่วได้ยินแล้วก็กังวลใจหนัก การตายของพ่อแม่เขาเป็นมายังไงกันแน่ ภายนอกสุ่ยฝู่คือต่างแดนหมายความว่ายังไง เขาคอยมองปรากฏการณ์บนท้องฟ้าอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่เกิดเหตุประหลาดพิสดารแบบนี้แต่หมู่บ้านกลับเงียบสงัด ตอนนี้เองที่มีบางสิ่งเข้าใกล้รอยแยก ดูเหมือนจะเป็นมังกร เขารู้ดีว่าอาการบาดเจ็บของไป๋เยวี่ยหูยังไม่หายดี ถ้ามีการต่อสู้อีกฝ่ายจะรับไหวรึเปล่า

    ไม่รู้ว่าไป๋เยวี่ยหูข้างบนกำลังทำอะไรกันอยู่ แต่รอยแยกค่อยๆปิดลง พร้อมกับฝนที่ตกหนัก ไป๋เยวี่ยหูกลับมาเรียกให้ลู่ชิงจิ่วออกไปด้วยกัน ลู่ชิงจิ่วถูกพามาที่หลุมดำที่ในครั้งก่อน แต่ตอนนี้หลุมนั้นว่างเปล่าแล้ว หูของเขาได้ยินคนข้างกายพูดว่า เขาอาจจะมาหานาย

    ลู่ชิงจิ่วคับข้องใจ นี่คือมังกรที่กินพ่อแม่เขา ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมถึงยอมถูกลงโทษด้วย แต่เขาก็ได้ยินไป๋เยวี่ยหูพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ แม้ได้ยินไม่ชัดว่าพูดอะไร แต่นี่เป็นอีกครั้งที่ไป๋เยวี่ยหูพยายามช่วยพูดแทนอีกฝ่าย

    ไป๋เยวี่ยหูเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาเพราะอยากกินลู่ชิงจิ่วไหม แต่เขาจะปกป้องคนของตัวเองจนถึงที่สุด ลู่ชิงจิ่วคิดไปถึงบันทึกของคุณยาย คำพูดแปลกประหลาดอย่างเราต้องปกป้องพวกเขา ลู่ชิงจิ่วไม่เห็นว่าตัวเองจะมีพลังไปปกป้องไป๋เยวี่ยหูตรงไหน

    ไป๋เยวี่ยหูมองท่าทีอึดอัดของลู่ชิงจิ่วแล้วไม่รู้จะปลอบใจยังไง เขาได้แต่ก้มลงไปจุมพิตที่หัวของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล

    เมื่อกลับถึงบ้าน ลู่ชิงจิ่วเข้าห้องทันที ไป๋เยวี่ยหูบอกอิ่นสวินถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เทพภูเขาช็อคมาก เขากลัวว่าเพื่อนของตนจะเป็นอันตราย แต่ไป๋เยวี่ยหูยืนยันว่าตราบใดที่ตัวเองมีชีวิตอยู่ก็จะคอยปกป้องเขาแน่นอน แต่ดูเหมือนเทพภูเขาจะไม่เชื่อว่ามังกรตัวนี้จะอยู่ที่นี่ตลอดไป

    แต่เขาเองจะทำอะไรได้ล่ะ เป็นเพียงแค่เทพภูเขาไม่มีพลังใดๆทั้งสิ้น สุดท้ายเขาก็ได้แต่กลับบ้านเพื่อมาต่อเทียน เมื่อมองป้าบูชานับไม่ถ้วนแล้ว เขาก็อยากร้องไห้

    คืนนั้นลู่ชิงจิ่วฝันร้าย เขาห็นมังกรตัวนั้น เขาของมันหัก ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าและลิ้นที่หายไปครึ่งหนึ่ง อีกฝ่ายใช้เขาที่ไม่สมบูรณ์นั้นถูแขนเขาเบาๆเหมือนกลัวจะทำให้ตกใจ เห็นสภาพที่น่าเวทนาแบบนี้ลู่ชิงจิ่วยิ่งปวดใจ ถ้าไป๋เยวี่ยหูต้องมาบาดเจ็บขนาดนี้เขาไม่กล้าคิดต่อ เขาอยากจะพูดกับมังกรตรงหน้า แต่ความฝันก็จบลงซะก่อน

    ลู่ชิงจิ่วตื่นขึ้นมาพบไป๋เยวี่ยหูที่กำลังเป็นห่วงเขา หลังเล่าสิ่งที่เห็นในฝันให้ คนตรงหน้าพยายามปลอบเขา สุดท้ายก็กอดตัวเขาไว้พร้อมกล่อมจนเขาหลับไป

    เช้าวันถัดมา ท้องฟ้าสดใส คนที่นอนข้างเขาเมื่อคืนดูเหมือนจะไปทำสวนแล้ว ภาพมหัศจรรย์และฝนที่ตกหนักราวกับความฝันตื่นหนึ่ง เมื่ออกจากห้องก็เจอรอยยิ้มสดใสของอิ่นสวิน เมื่อเห็นรอยยิ้มนี้เขาก็รู้ถึงว่าความสดใสส่งต่อกันได้ เขาเข้าครัวเตรียมอาหารทันที เริ่มวันธรรมดาๆ ของฤดูใบไม้ผลิแสนอบอุ่น

    หลายวันต่อมาลู่ชิงจิ่ว(นายเอก)ขึ้นเขาไปเล่นว่าวตามที่อิ่นสวินชวน โดนมีไป๋เยวี่ยหู(พระเอก)ตามไปดูแล พวกหมูและจิ้งจอกเองก็ตามมาเล่นด้วย อิ่นสวินกับเด็กๆตัวอื่นเล่นกันอย่างสนุกสนาน ส่วนเขากับไป๋เยวี่ยหูเหมือนผู้ปกครองที่ตามมาดูแล หลังกินข้าวกลางวันเสร็จลู่ชิงจิ่วก็แยกตัวไปเข้าห้องน้ำ

    แต่ยังไม่ทันเจอพุ่มที่ถูกใจ เขาก็พบกับชายคนหนึ่ง ผมสีดำดวงตาปิดสนิทและไม่สามารถพูดได้ ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นตาของเขา ลู่ชิงจิ่วถามอีกฝ่ายว่าฆ่าพ่อแม่ของตนรึเปล่า แล้วจะกินเขาไปอีกคนไหม อีกฝ่ายไม่ได้ตอบเพียงแต่ซ้ายหัวเบาๆ ถึงจะสับสนและหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่เมื่อไม่รู้สึกถึงจิตอันตราย เขาก็ผ่อนคลายลง

    เสียงของไป๋เยวี่ยหู(พระเอก)ดังขึ้น เห็นได้ชัดว่ากำลังตามหาเขาอยู่ เมื่อได้ยินเสียงนี้ชายตรงหน้าก็ดูกระวนกระวายเขาเขียนลงฝ่ามือเขาสั่นๆว่า ‘ไป’ ลู่ชิงจิ่วไม่เข้าใจไปใหญ่ เสียงเรียกใกล้เข้ามาเรื่อยๆสุดท้ายคนๆนั้นก็จนใจ ได้แต่ลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็จากไป

    ไป๋เยวี่ยหูโมโหมาที่คนของเขาโดนสัมผัส กลางความตะลึงของลู่ชิงจิ่ว ไป๋เยวี่ยหูก็ก้มลงจูบหัวของเขาหนักๆ จากนั้นก็พาเขากลับ

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันเกิดอิ่นสวินก็มาถึง ลู่ชิงจิ่วเตรียมทำเค้กวันเกิดให้เขา และนี้เป็นอีกครั้งที่ความจนทำให้ลู่ชิงจิ่วสงสารเด็ก2คนในบ้านจริงๆ

    ระหว่างทำครัวก็มีคนมาหาไป๋เยวี่ยหู คนหนึ่งคือจิ่วเฟิง(นก9หัว)ที่เคยเจอกับเพื่อนใหม่เส่าเฮ่า(เทพเจ้าคุมนกและความงดงาม) ระหว่างรอไป๋เยวี่ยหูกลับจากทำสวน พวกเขาก็นั่งรออยู่ในบ้านและชื่นชมว่าอิ่นสวิน(เพื่อนสนิท/เห็ดหลินจือบริสุทธิ์)ดูน่ากิน ทำเอาเจ้าตัวรีบหนีไปเลย

    เมื่อจิ้งจอกปลอมของเขากลับมา เส่าเฮ่าก็เริ่มเสนองานให้ แต่ค่าตัวแสนถูกนั้นทำให้ผู้ปกครองอย่างเขาปวดใจ แถมแค่ดูหน้าก็รู้แล้วว่าของที่จะให้คนบ้านเขาไปกินต้องไม่อร่อยแน่ๆ หลังเห็นไป๋เยวี่ยหูถูกเงินไม่กี่หยวนล่อลวง ลู่ชิงจิ่วก็กางแขนปกป้องทันที ไม่อร่อยก็อย่าฝืนสิ! สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธงานนี้ เส่าเฮ่าก็เข้าใจและอยู่กินข้าวหนึ่งมื้อแล้วจากไป

    จบวัน หลังกินเค้กเป่าเทียนเสร็จ ลู่ชิงจิ่วก็ทำตามที่ตั้งใจไว้ มอบเงินค่าขนมให้พวกเขาจำนวนหนึ่งจากนี้เวลาเห็นของอะไรอยากซื้ออยากกินจะได้ซื้อได้ แม้ว่าทั้งคู่จะไม่อยากรับ แต่เมื่อผ่านการเกลี่ยกล่อม ทั้ง2คนก็เก็บรักษาเงินนี้ไว้เป็นอย่างดี

    สองวันถัดมาเส่าเฮ่าก็เชิญพวกเขาไปเยี่ยมสวนนกของตัวเอง เพราะไป๋เยวี่ยหูบอกว่าบ้านของอีกฝ่ายสวนมาก พวกเขา3คนจึงไปดูด้วยกัน เส่าเฮ่านั้นเป็นคนรวยของแท้เลย สวนนกคฤหาสน์พฤกษาทั้งที่มีขนาดใหญ่และกว้างมาก ก็ยังตั้งอยู่ในตัวเมืองบริเวณที่แพงที่สุดด้วย ด้านในตกแต่งสวยงาม มีนกหลายสายพันธ์อาศัยอยู่ และยิ่งได้ยินว่ามีสายพันธ์หายากหรือแม้แต่เฟิงหวงอยู่ด้วยลู่ชิงจิ่วก็ยิ่งตื่นเต้น

    แต่แล้วเมื่อเขาเห็นร่างมนุษย์กำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่ หัวใจของเขาก็แตกสลาย สีหน้าช็อคจนแม้แต่เส่าเฮ่าก็ทนดูไม่ได้ เรียกให้นกเหล่านั้นกลับร่างจริง เหล่าวิหกในร่างจริงสวยงามมาก มีเอกโดดเด่นแตกต่างกัน แต่เมื่อเอ่ยปากพูด ภาพฝันก็พังทลายลงอีกรอบ สุดท้ายเมื่ออุส่าห์มาแล้วเขาจึงตอบรับคำชวน นั่งเล่นไพ่นกกระจอกอยู่หลายตา

    ระหว่างนี้เส่าเฮ่าพาอิ่นสวินไปเดินเล่น ใครจะรู้ว่าเด็กโข่งกลัวมาก จนคิดเอาเองว่าถ้าท่านเทพได้กินเนื้อตนเองไปบ้างแล้วจะหายอยาก เลยเฉือนนิ้วแล้วจับยัดปากเส่าเฮ่าเอาซะดื่อๆ ตอนแรกนั้นก็อร่อยดี แต่เวลาผ่านไปเส่าเฮ่าก็ท้องเสียอย่างหนักจนออกจากห้องน้ำไม่ได้ไปสามวัน อิ่นสวินเป็นไท่ซุ่ยเห็ดหลินจือบริสุทธิ์ ปกติของที่เขาจับต้องจะมีฤทธิ์ล้างพิษ แต่นี้ไม่ใช่แค่จับต้องแต่กลับกินเนื้อเข้าไปเลย จากนี้ไปอิ่นสวินถูกคนหมายหัวโดยไม่ทันรู้ตัวซะแล้ว

    วันหนึ่งลู่ชิงจิ่วเจอร่มสีดำ ภายนอกของมันดูไม่ต่างอะไรกับร่มธรรมดาเลย แค่เมื่อเขาเมื่อมือไปหยิบกลับมีลูกตาหล่นออกมา ภายที่เห็นชวนหวีดสยองมากจนเขาผวาและวิ่งกลับบ้านไปหาไป๋เยวี่ยหู อีกฝ่ายฟังแล้วบอกว่า ถ้าเจอให้รีบบอกเขา วันหนึ่งฝนตกหนักไป๋เยวี่ยหูยังไม่กลับบ้าน อิ่นสวินเก็บของอยู่หลังบ้านจู่ๆก็กรีดร้องเหมือนโดนเฉือด ลู่ชิงจิ่วที่วิ่งตามมาก็เจอภาพที่น่ากลัวจนทำให้เขาแทบหยุดหายใจ ร่มดำคันนั้นกินหัวอิ่นสวินเข้าไปแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ดึงร่มไม่ออก

    แต่เมื่อไก่โอ๊ก..เมื่ออิ่นสวินหายตกใจก็พบว่าจริงๆแล้วตนเองไม่เจ็บ นอกจากมองไม่เห็นแล้วไม่มีอะไรอีก ลู่ชิงจิ่วอยากจะด่าเพราะเมื่อกี่เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่รอดแล้วจริงๆซะอีก เมื่อไป๋เยวี่ยหูกลับมาถึงก็ด่าอิ่นสวินอย่างเจ็บแสบ เขารู้สึกว่าภาพร่มครอบหัวมันดูโง่มาก

    หลังไป๋เยวี่ยหูกินลูกตาอย่างเอร็ดอร่อยกลางสายตาผวาของผู้คน เมื่อเห็นพวกเขากลัวมากๆไป๋เยวี่ยหูก็อธิบายอย่างมัดมือชก(บังคับกิน) จนลู่ชิงจิ่วได้รู้ว่านี่คือผลไม้ชนิดนึงที่น่าตาน่ากลัวมากเท่านั้นเอง จากนั้นไป๋เยวี่ยหูก็ติดร่มคันนี้มาก เดินไปสวนก็ต้องกางร่มไปด้วยเพราะมีขนมให้กินตลอดเวลา จากนั้นเจ้าของก็มาตามหาร่มวิเศษของตัวเองคืน เขาคือโกวหมังเทพฤดูใบไม้ผลิที่มองภายนอกแยกเพศไม่ออกเลย

    หลังมีข้อแลกเปลี่ยนกันจึงมอบร่มคืนไปให้ เทพฤดูใบไม้ผลิก็ต้องยอมเพราะร่มคันนี้เข้ามาในบ้านคนอื่นและโดนจับไว้เอง ก่อนไปเขาแจ้งว่าจู้หรง(เทพฤดูร้อน/เพชฌฆาต)อาจจะมาหา ลู่ชิงจิ่วสังเกตว่าไป๋เยวี่ยหูไม่ชอบจู้หรง เขาเรียกอีกฝ่ายว่าเพชฌฆาต

    ไม่นานจู้หรงก็มาจริงๆ หลังได้พูดคุยกันแล้วเขาก็ได้รู้ว่า มังกรพิการที่แปดเปื้อนตัวนั้นคือคุณตาของเขา และตัวเขามีสายเลือดมังกรอยู่1ใน4 จู้หรงตั้งใจจะตามฆ่าอีกฝ่ายให้ได้ ลู่ชิงจิ่วไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงกันแน่ ความคิดเดิมๆวนกลับมา คุณตาของเขากินพ่อแม่ของเขา และก็จะกินเขาด้วย แต่เมื่อรู้ว่ามีคนตามฆ่าอีกฝ่ายเหมือนในใจของเขาก็ไม่ได้ยินดีสักเท่าไรนัก

    วันหนึ่งเขาแวะเข้าเมืองซื้อของก็ได้เจอกับคู่หูนายตำรวจอีกครั้ง ทั้งคู่กำลังปวดหัวกับปัญหารื่องเหนือธรรมชาติอีกแล้ว พอเห็นลู่ชิงจิ่วจึงเข้ามาขอความช่วยเหลือทันที เรื่องมีอยู่ว่าห้องเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ตรวจสอบยังไงก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ทันทีที่มีนักเรียนเข้าไปนั่ง ก็จะมีฝูงผึ่งเข้ามารวมตัวกันเต็มห้องไปหมด

    เมื่อนำเรื่องไปปรึกษาจิ้งจอกปลอมที่บ้าน พวกเขาก็ตัดสินใจไปตรวจสอบสถานที่จริง แต่ก่อนโรงเรียนจะเปิดลู่ชิงจิ่วก็พาทั้ง2คนเข้าเมืองไปซื้อของก่อน เขาซื้อเสื่อผ้าใหม่ให้ทั้งคู่ และพาชิมขนมในเมืองด้วย ทั้งสองคนต่างชมว่าฝีมือลู่ชิงจิ่วอร่อยกว่าของร้าน การเดินซื้อของวันนี้ทุกคนได้ของกลับไปเยอะมากทีเดียว

    วันไปดูโรงเรียน พวกเขาก็เจอสถานการณ์จริงทันที คนที่เรียกผึ่งมาคือเจียวฉง(ผู้ดูแลสัตว์มีเหล็กใน)เขาไม่ได้ทำร้ายเด็กๆแต่มุ่งเป้าไปที่อาจารย์ และในเหตุการณ์ครั้งก่อนก็มีหญิงสาวคนหนึ่งถูกผึ่งต่อยจนโคม่า แต่เป็นผู้มีอิทธิพล ญาติของเธอไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ ดังนั้นจึงเปิดโรงเรียนต่อเพื่อหาคนร้ายมาลงโทษ

    หลังจากตามสืบลู่ชิงจิ่วก็ได้รู้ว่า มีเด็กคนหนึ่งที่สนิทกับเจียวฉงถูกทำร้าย ด้านหลังของเด็กอนุบาลที่ตัวเล็กแค่นี้ถึงกับมีรอยถูกเข็มแทงเต็มไปหมด เทพภูเขาท่านนี้จึงล้างแค้นให้ เด็กถูกคนอื่นทารุณแบบนี้ควรแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ แต่เมื่อลู่ชิงจิ่วติดต่อไปก็พบว่าแม่ของเด็กขาดความรับผิดชอบทีเดียว

    เมื่อตามตัวมาได้ก็รู้ได้ทันทีว่าประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแต่ไม่ใส่ใจลูก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องถูกทำร้ายร่างกาย แม้แต่เรื่องที่โรงเรียนอนุบาลเกิดเรื่องผึ่งบุกจนออกข่าวทีวีเธอก็ไม่รู้มาก่อน โชคดีที่เธอได้มารู้เรื่องราวทุกอย่างวันนี้ และจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้น

    หลังจัดการเรื่องเด็กแล้วพวกเขาก็ไปหาเจียวฉง ถึงจะเป็นเทพภูเทพ แต่ก็ไม่มีที่อยู่ ไม่มีเงิน ไม่มีอาหาร ดังนั้นเขาจึงชวนอีกฝ่ายมาอยู่ด้วยแต่น่าเสียดายที่ขอบเขตอาศัยของอีกฝ่ายอยู่แค่ในตัวเมืองเท่านั้น และในครั้งนี้เองที่เขาได้รู้เรื่องน่าเศร้าอีกครั้ง ไป๋เยวี่ยหูรู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายเคยคุ้ยทั้งขยะ หรือว่าอีกฝ่ายเองก็... นี่มันจะน่าเศร้าเกินไปแล้ว

    เข้าสู้ช่วงฤดูร้อน วันนั้นมีลมประหลาดพัดแรงมาก ทั้งยังนำพาเลือดมาด้วย ลู่ชิงจิ่วกังวลหนักเขาวิ่งไปหาไป๋เยวี่ยหูแต่อีกฝ่ายไม่อยู่ เหลือเพียงกองเลือดเท่านั้น ตอนนั้นเองที่เขาเจอคุณตาอีกรอบ อีกฝ่ายพาเขาขึ้นมาเหนือมิติหมอก ด้านบนมีมังกรดำกับมังกรแดงสู้กันอยู่

    คุณตาได้อธิบายกับเขาว่ามังกรแดงก็คือมังกรที่ถูกทำให้แปดเปื้อน ลู่ชิงจิ่วยังถามเรื่องที่พ่อแม่ถูกกินเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายยอมรับ ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีก จู้หรง(เทพฤดูร้อน/เพชฌฆาต)ก็ปรากฏตัว บอกให้เขาเดินออกมา เขาแรกลู่ชิงจิ่วไม่ขยับด้วยความลังเล เพราะตั้งแต่เจอกันอีกฝ่ายไม่เคยทำร้ายเขาเลย มีแต่ความอ่อนโยนเท่านั้น

    แต่แล้วความเปลี่ยนแปลงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ผมสีดำถูกย้อมด้วยสีแดง ดวงตาลืมขึ้น รอยยิ้มเหยียดปรากฏพร้อมกับคำพูดร้ายกาจ กลายเป็นอีกคนโดยสิ้นเชิง จากนั้นมังกรและเพชฌฆาตก็ขึ้นไปปะทะกันบนท้องฟ้า ระหว่างที่ลู่ชิงจิ่วมองด้วยความนิ่งอึ่งไป๋เยวี่ยหูก็เข้ามาหาเขา เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังจริงจังกับการปิดบังตัวตนอยู่ ลู่ชิงจิ่วจึงบอกว่าพึ่งมา และบอกอีกฝ่ายถึงเรื่องที่คุณตายอมรับว่าเป็นคนกินพ่อแม่เขา

    ไป๋เยวี่ยหูกลับบอกว่า เมื่อก่อนอีกฝ่ายก็ยอมรับแบบนี้ เป็นตัวเขาเองที่ไม่เชื่อ ลู่ชิงจิ่วพูดไม่ถูกอยู่บ้างเขาจึงชวนไป๋เยวี่ยหูกลับ เมื่อมาถึงอิ่นสวินก็ทักถึงหน้าผากของลู่ชิงจิ่ว เขาถึงได้รู้ตัวว่าบนหน้าผากตัวเองมีเขางอกออกมา มันคงอยู่แบบนี้หลายวันก่อนหยุบไป

    หลายวันต่อมาไท่เผิง(เทพแห่งความโชคดี)ก็เรียกพวกเขาออกไป ลู่ชิงจิ่วยังคิดว่าอีกฝ่ายต้องการให้ไป๋เยวี่ยหูไปช่วยถอนขนอีกแล้ว แต่ปรากฏว่า หญิงสาวที่เขารักได้จากไปแล้ว สิบกว่าปีมานี้ไท่เผิงใช่โชคของต้นไปต่อชีวิตคนที่รัก เขาจึงโชคร้ายเป็นพิเศษ ไม่ได้เลี้ยงข้าวเพื่อนสนิทเลย ดังนั้นวันนี้จึงเรียกทั้งคู่ออกมา

    วันนี้ลู่ชิงจิ่วได้เห็นแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าเทพแห่งความโชคดี 3ก้าวเก็บเงินได้ 10ก้าวได้รางวัลใหญ่ ระหว่างกินข้าวเขาก็ฟังเรื่องสมัยก่อนของไป๋เยวี่ยหูไปด้วย ทุกอย่างเป็นการกินข้าวกับเพื่อนเก่าที่สนุกมากครั้งหนึ่ง เพียงแต่เมื่อถึงเวลากลับ ทางที่ไท่เผิงนั่งแท็กซี่ไปคือสุสาน เห็นชัดว่าไม่ได้ทำใจได้ขนาดนั้น

    ตอนนี้ผีสาวที่บ่อน้ำกลายเป็นเทพแล้ว นานๆครั้งก็จะปรากฏตัวออกมาให้เห็น เธอจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้แต่ลู่ชิงจิ่วก็คิดว่าแบบนี้ดีกับเธอมากกว่าแล้ว

    เส่าเฮ่าติดต่อมาอีกครั้ง ฤดูร้อนจะมีสัตว์ชนิดใหม่มากินนก แต่สัตว์ชนิดนี้เนื้ออร่อยไป๋เยวี่ยหูจึงพาลู่ชิงจิ่วไปจับ อิ่นสวินเองก็ไปด้วยโดยที่ไม่รู้เลยว่าเส่าเฮ่าหมายหัวตนเองไว้ เมื่อผู้ปกครอง2คนเดินแยกไปเขาก็โดนเส่าเฮ่าทรมานอย่างหนัก แถมไม่กล้าฟ้องผู้ปกครองของตัวเองอีกต่างหาก

    วันธรรมดาวันหนึ่งที่ลู่ชิงจิ่วกำลังคุยกับอิ่นสวินเรื่องเมนูอาหาร อยู่ๆอีกฝ่ายก็ผวาสุดตัวและรีบวิ่งกลับบ้าน มีคนกำลังจะดับเทียนของเทพภูเขา ลู่ชิงจิ่วก็วิ่งตามมาด้วย หน้าต่างในบ้านเปิดอยู่คนร้ายหนีไปแล้ว ป้ายวิญญาณล้มระเนระนาด ส่วนอิ่นสวินกำลังวุ่นวายกับแสงเทียนเฮือกสุดท้าย

    ลู่ชิงจิ่วถามว่าถ้าดับแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาเองก็เคยเห็นฉากประหลาดที่แท่นวางเทียนสั่นตอนมันกำลังจะดับ เรื่องนี้เทพภูเขามือใหม่เองก็ไม่รู้ แต่เขามีลางสังหรณ์ถึงอันตรายร้ายแรง ดังนั้นห้ามเทียนดับเด็ดขาด ตอนนั้นลู่ชิงจิ่วก็เจอป้ายวิญญาณอันหนึ่ง เป็นชื่อของแม่เขา

    อินสวินไม่รู้ว่ามันเป็นของแม่เพื่อน แต่ป้ายพวกนี้จะปรากฏขึ้นเองในศาลเจ้าบนเขา และมันปรากฏขึ้นก่อนที่แม่ลู่ชิงจิ่วจะเสียซะอีก ลู่ชิงจิ่วต้องการขึ้นไปดูศาลเจ้า เขาหลอกเพื่อนสนิทว่าจะพาไป๋เยวี่ยหูไปด้วย อีกฝ่ายจึงยอมบอกทาง แต่ในความจริงแล้วเขาขึ้นเขาไปคนเดียว

    เขาเชื่อใจไป๋เยวี่ยหูนะ แต่อีกฝ่ายมีเรื่องปิดบังเขาเยอะเกินไป ไม่ยอมบอกสิ่งที่เขาต้องการ เมื่อมาถึงศาลเจ้า เขาก็เจอรูปบูชาที่เหมือนอิ่นสวินมากเหลือเกิน ก่อนเขาจะพบหมอกเงาประหลาด พวกมันพยายามดันเขาไปพงหญ้ามุมหนึ่ง แต่ก่อนจะวิกฤต คุณตาของเขาก็ปรากฏตัวขึ้น

    ครั้งนี้ได้คุยกันไม่น้อยทีเดียว คุณตาต้องการให้เขาออกไปจากที่นี่เพราะไป๋เยวี่ยหู อีกฝ่ายคือผู้เช่ารายใหม่ของคุณยาย แต่ถ้าพูดถึงการตายของพ่อแม่เขาปีนั้นไป๋เยวี่ยหูก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากเช่นกัน และเรื่องจริงก็คือแม่ของเขาแปดเปื้อน วิญญาณไม่มีวันตาย หากไม่กินเข้าไปเพื่อผนึก เธอก็จะเป็นเหมือนพิษที่แพร่ไปสู่ผู้อื่น ป้ายวิญญาณที่เขาเห็นคือคนที่โดนแปดเปื้อน

    แต่ก่อนจะได้เล่าอะไรมากกว่านั้น มังกรตรงหน้าก็เจ็บปวดและเปลี่ยนเป็นอีกคนต่อหน้าเขา คนผมแดงเปลี่ยบนเรื่องพูด แต่มันก็ทำให้เขาเข้าใจบางอย่างขึ้นมาได้ ทั้งๆที่ชัดขนาดนี้แล้วแต่เขากลับพึ่งสะกิดใจเมื่ออีกฝ่ายทัก ไป๋เยวี่ยหูชอบเขา การกระทำหลายๆอย่างมาจากการหึงและน้อยใจทั้งที่ชัดขนาดนี้แต่เขากลับพึ่งรู้

    ตอนนั้นเองที่ไป๋เยวี่ยหูรีบขึ้นเขามา หลังเอ๋ารุ่น(คุณตา)จากไปแล้ว ลู่ชิงจิ่วก็ถูกบ่นด้วยความเป็นห่วงทันที ระหว่างทางกลับบ้านเขาก็ถามอีกฝ่ายเรื่องที่เคยเจอกันไหมในอดีต เขาจึงรู้ว่าวีรกรรมวัยเด็กของตัวเองก็ใช่ย่อย ทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายบ่อยครั้ง จนตอนนี้อับอายซะเอง ถึงอยากจะแก้ตัวแต่เรื่องที่เขาชอบหูกับหางอีกฝ่ายก็กลายเป็นหลักฐานมัดตัวแน่นๆไป

    พอกลับถึงบ้านเขาก็นึกถึงสิ่งที่คุณตาพูด ไป๋เยวี่ยหูชอบเขา แล้วตัวเขาเองล่ะ แม้ตอนแรกความรู้สึกจะคลุมเคลือไม่ชัดเจน แต่ถ้าคิดว่าต้องเสียอีกฝ่ายให้คนอื่นไป เขาไม่เอาด้วยหรอก ดังนั้นลู่ชิงจิ่วจึงขอมังกรของตัวเองคบอย่างตรงไปตรงมา ไป๋เยวี่ยหูเขินอายมากแต่ก็ตอบรับอย่างรวดเร็วเหมือนกัน

    ความสัมพันธ์ก็คืบหน้าอย่างสวยงาม ซึ่งเมื่อเป็นคนรักสเต็บแรกก็คือรอยกัดรอบเม้มตามตัว คนโดน‘ชิม’ อย่างลู่ชิงจิ่วแต่นั้นไม่ว่าอะไร แต่เด็กน้อยที่ขาดแคลนความรู้วิชาสุขศึกษาโวยวายยกใหญ่ว่าพ่อตัวเองจะโดนกินแล้ว ลู่ชิงจิ่วไม่มีทางเลือกต้องเอาคลิปสื่อการสอน18+ให้อย่างอีกฝ่ายดู อิ่นสวินจึงนับถืออีกฝ่ายมากมาย

    ซึ่งขณะนั้น ลู่ชิงจิ่วยังเข้าใจว่าตัวเองจะได้อยู่บน แต่ความจริงก็ปรากฏในคืนนั้นเอง ลุกจากเตียงไม่ไหว เอวน้อยๆแทบหัก ที่ยังไม่ตายนี่ต้องขอบคุณเลือดมังกร1ใน4ของตัวเองด้วยรึเปล่านะ นอกจากเรื่องบนเตียงที่หนักไปหน่อยแล้ว เป็นแฟนกับไป๋เยวี่ยหูนั้นดีมากจริงๆ

    หลังลู่ชิงจิ่วปรับตัวได้แล้ว พวกเขาก็ไปเที่ยวทะเลกัน เป็นดินแดนเชื่อมต่อทำให้อิ่นสวินและทุกคนในบ้านไปได้ ทะเลของที่นี่สวยงาม เด็กไปเล่นน้ำส่วนลู่ชิงจิ่วเตรียมบาบีคิวโดยมีไป๋เยวี่ยหูคอยช่วย พวกเขาจู๋จี๋กันสักพักก่อนที่จะต้องไปช่วยอิ่นสวินที่โดนปลาไล่กัด

    ลู่ชิงจิ่วไม่รู้เลยว่าลูกชายตัวเองโดนแม่เลี้ยงข่มขู่อีกแล้ว เมื่อเห็นอิ่นสวินเดินขึ้นฝั่งมาหน้าหง่อยก็คิดว่าเขาเหนื่อย ยังส่งน้ำเย็นๆให้อีกฝ่ายอยู่เลย ส่วนไป๋เยวี่ยหูไปล่าปลาและของทะเลอีกหลายอย่างเอาใจคนรัก หลังกินข้าวกลางวันเสร็จพวกเขาก็นั่งอยู่ด้วยกัน ขณะที่เด็กๆไปเล่นทราย

    ลู่ชิงจิ่วขอดูร่างจริงของไป๋เยวี่ยหู หลังอิดอ่อนสักพักไป๋เยวี่ยหูก็แปลงเป็นขนาดเล็กให้ดู เมื่อเห็นแล้วก็เข้าใจทันทีว่าทำไมตอนเด็กเขาถึงทำแบบนั้น แต่เวลานี้เขาชอบร่างของอีกฝ่ายมาก ทั้งเกล็ดที่สวยงาม หูที่เป็นขนนุ่ม ทุกอย่างดูน่าเอ็นดูจนอยากจูบลงไป

    ส่วนร่างขนาดใหญ่เองก็ชวนให้เกรงขามและชื่นชม แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นมอสที่ขึ้นตามตัวอีกฝ่าย ร่างจริงมังกรจะต้องมีคนช่วยทำความสะอาดให้ แต่ไป๋เยวี่ยหูไม่มีมานานแล้ว ดังนั้นจะบอกว่าที่จริงแล้วเขาก็มอมแมมไม่น้อยเลยทีเดียว ลู่ชิงจิ่วเห็นแล้วก็เป็นฝ่ายขอจัดการให้

    ไป๋เยวี่ยหูกังวลว่าอีกฝ่ายจะเหนื่อยเพราะร่างกายที่ใหญ่โตของเขา แต่ขณะเดียวดีใจที่อีกฝ่ายใส่ใจกันขนาดนี้ ถึงขนาดกระดิกหางยกใจโดยไม่รู้ตัว

    ชีวิตคู่รักของพวกเขาหวานชื่นกันสุดๆ ระหว่างที่ช่วยขัดตัวให้อีกฝ่าย ลู่ชิงจิ่วสังเกตเห็นความไว้วางใจเขาแบบที่สุด อย่างเวลาขัดเกล็ดให้อีกฝ่าย แม้จะเป็นตำแหน่งของเกล็ดย้อนที่บอบบาง แต่ไป๋เยวี่ยหูไม่เคยต่อต้านเลยแม้แต่นิดเดียว

    เวลาผ่านไปพักใหญ่หลายเดือน จู้หรง(เทพฤดูร้อน/เพชฌฆาต)ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกรงเล็บมังกรเปื้อนเลือด คาดเดาไม่อยาว่าเป็นของใคร คุณตาของเขา เสียดวงตา เขา และในเวลานี้ก็เสียกรงเล็บไป... จู้หรงในเวลานี้ดูเย็นชามาก เขาถามลู่ชิงจิ่วว่าจะมีความรู้สึกให้คนที่ทรยศคุณยายของตนไปทำไม ครั้งนี้เป็นกรงเล็บวันหน้าคงเป็นหัว เขากล่าวคำพูดเลวร้ายออกมา แต่ลู่ชิงจิ่วรู้สึกว่าในความเย็นชานั้นมีความเศร้าปนอยู่ด้วย

(จบเล่ม3)

Ad Code

Responsive Advertisement