(สปอย์) ขุนนางพาร์ตไทม์สุดแกร่งแห่งต้าซ่ง เล่ม5
อวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)ถูกท่านเปาเรียกตัวไปปรึกษา เรื่องเกี่ยวกับการสร้าง ‘สำนักศึกษา’ จากตอนแรกที่อาจจะจะต้องจ้างคนเข้ามาเป็นอาจารย์ เสียค่าเช่าสถานที่ อวี๋นเยี่ยนหุยก็เสนอให้คนในจวนไคเฟิงหมุดเวียนกันเป็นอาจารย์ ส่วนสถานที่ก็ใช่ สำนักศึกษาที่เคยปิดตัวไปแล้วประหยัดค่าก่อสร้างตกแต่ง นักเรียนที่มาเรียนต้องปลูกผักส่งจวนไคเฟิงด้วย เป็นแผนการณ์เก็บทุกเม็ดไม่มีตกหล่น
สำหรับการเรียนการสอน พวกเขานำวิธีเรียนแยกสายที่ปรับปรุงจากการเรียนแยกคณะในปัจจุบันมาใช้
ในสำนักศึกษามีเด็กตระกูลเจิ้งมาเรียนด้วย (ตระกูลฝั่งแม่นายเอก) เราจะได้รู้มุมมองของตระกูลเจิ้งที่มีต่อ อวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)ผ่านมุมมองของเจิ้งซ่งที่เป็นรุ่นหลานและได้ยินวีรกรรมของอาเล็กมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าได้ยินชื่อเสียง ไม่สู่พบหน้าของจริง ท่านอาเล็กคนนี้ของเขาชวนเคารพและพูดไม่ออกจริงๆ
ระหว่างที่เตรียมงานแต่งของซวงอี๋(น้องสาวนายเอก)กับเสิ่นคว่อ อวี๋นเยี่ยนหุย (นายเอก)ก็คอยคุมไม่ให้อาสะใภ้ทั้งหลายสอนแนวคิด (ผู้หญิงต้องตามสมี คลอดลูกให้มา หรือการรับอนุเป็นเรื่องปกติ) แบบนี้ให้น้องสาว
ฝั่งสำนักศึกษามีนักเรียนหนีเที่ยวหอคณิกา อวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)เข้ามามาลงโทษ กฏกย่อมเป็นกฎ ระหว่างเปิดภาคเรียนห้ามมาแห่งบันเทิง ถ้าเลิกเรียนแล้วจะไปไหนเขาไม่สน ตอนแรกเหล่านักเรียนยังคิดว่าคนมากยากป้อกกัน แต่เหล่านางคณิกากลับตอบรับออย่างกระตือรือร้น ถ้าหาเจอจะไม่ยอมให้พวกเขาเที่ยวเล่นย่านนี้เด็ดขาด ทำเอาเหล่านักเรียนงงไปเลย
ไหนๆก็มาถึงย่านบันเทิง อวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)เปิดห้องพักกับจ้าวอวิ๋นซู (พระเอก)หนึ่งคืน
ต่อมาเป็นงานแต่งงานของซวงอี๋กับเสิ่นคว่อซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เมื่อแต่งกันแล้วทั้งคู่ก็รักใครกลมเกลียว
เด็กนักเรียนของสำนักศึกษาเริ่มฝึกงานตามที่ต่างๆ พวกเขาเจออันธพาลรวมมือกับเจ้าหน้าที่ชั้นรอง เดิมคิดจะบอกอาจารย์แต่เมื่อไร้หลักฐานเลยคิดจะล่อซื้อแล้วจับกุมเอง แต่เด็กก็คือเด็ก พวกเขาเสียรู้อันธพาลและระบบราชกาลที่ล่าช้าออย่าคาดไม่ถึง ดีที่มาเจอเจิ้งซง(หลานนายเอก)เข้า
เมื่อไปถึง คนก็โดนทุบตีแล้ว เจิ้งซง(หลานนายเอก)ก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่มาด้วย ขณะที่กำลังจะโดนตีไปอีกกคนเขาก็ตะโกนขึ้นว่า อวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)คืออาของเขา ทัดใดนั้นอันธพาลก็หยุดมือ พวกมันยังจำฉายา โหดเตี้ยอำมหิต ของนายเอก(สมัยอยู่วัด)ได้อยู่
จากเหตุการ์ณนี้อันธพาลในเมืองหลวงต่างระวังตัวมากขึ้น และไม่ลงมือกับเด็กนักเรียนของสำนักศึกษาอีกเลย
ช่วงวันหยุดปีใหม่ อวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)เจอหนังสือพิมพ์ข่าวเท็จแพร่ระบาด เนื้อหาข้างในเขียนพื่อความนสนุกเป็นหลัก มีความยุยงปลุกปั่น จนถึงใส่ความเท็จเลยทีเดียว เมื่อคณะทูตต่างแคว้นเห็นยังปะทะกันด้วยเรื่องนี้เล็กน้อย
ต่อมาพวกเขาเข้าจับกุมหกนังสือพิมพ์เถื่อนนี้ได้ โชคดีที่จับได้ก่อน เพราะฉบับต่อไปนั้นมีเนื้อหาน่าปวดหัวไม่น้อย
ช่วงเทศกาล อวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)รับฝากองค์หญิงกับพระญาติมาดูแล หลังหลอกล่อเด็กน้องสามคนเสร็จก็ไปหวานชื่นกับจ้าวอวิ๋นซู(พระเอก)
เผ่าของเสี่ยวเหลาหู่(เด็กชายต่างเผ่าที่หน้าเหมือนนายเอก)มีการเปลี่ยนแปลง ท่านตาเสีย ท่านแม่ขึ้นเป็นผู้นำ เธอส่งเสี่ยวเหลาหู่มาลี้ภัยการเมือง
เสี่ยวเหลาหู่ได้เจอกับอวิ๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)อีกครั้งแม้ไม่ได้เจอกัน3ปีแต่ยังคงสนิทชิดเชื้อที่สุด เมื่อค่ำลงพวกเขาก็เกิดศึกชิงพี่ชายกับจ้าวอวิ๋นซู(พระเอก)
เสี่ยวเหลาหู่เข้าเรียนรวมกับราชวงศ์น้อยและบุตรขุนนางทั้งหลาย ผลการเรียนของเขาดีมากแต่กลับไม่เคยพูดถึงเพื่อนมาก่อนจนอวิ๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)ต้องไปคุยกับอาจารย์หลวง ทำให้รู้ว่าความจริงแล้วเป็นเสี่ยวหูที่รังแกผู้อื่น เขาเลยสอนเสี่ยวหูซะใหม่ ให้ดูพี่เป็นตัวอย่างสิ
ตอนนี้หนังสือพิมพ์ของอวิ๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)มีคอลัมบันเทิงแล้ว(ข่าวซุบซิบ) ราชครูผางโดนเอาเรื่องจริงในจวนไปเขียนข่าวจนโกรธจัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
งานแข่งเรือมาถึง หน่วยงานการกาชต่างๆต้องเข้าร่วมเป็นเรือตัวแทนหน่วย ทั้งๆที่ควรเป็นการแข่งขันพายเรือชิงธงธรรมๆเหมือนปีก่อน แต่ครั้งนี้เหรินจง(ฮ่องเต้)กลับเปลี่ยนกติกาเพื่อความสนุก เขารู้สึกว่าจวนไคเฟิงแข็งแกร่งนำทีมอื่นไปสักหน่อย
เมื่ออวิ๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)เห็นการต่อสู้(พลักคนตกเรือ)ก็เข้าใจ เหรินจง(ฮ่องเต้)ต้องการความสนุก ฝั่งเรือจึงเกิดการเล่นลูกไม้ แผนยุทธศาสตร์ต่อสู้กัน
หลาย้ดือนผ่านไปมีการกวาดล้างช่องทางหลบหนีของอันธพาล และตรวจค้นวัดวาอารามของเต๋าทุกแห่งเนื่องจากมักมีผู้กระทำผิดหลบหนีการจับกุมแล้วยืมฐานะนักพรต แม่ชีเพื่อซ้อนตัว การกวาดล้างครั้งใหญ่นี้ทำให้อันธพาลเปลี่ยนอาชีพไปมากมาย
ต่อมาหลังเตรียมการมานาน ชุมชนผูกวนเจ๋อก็เปิดเฟส2(เมืองใหม่ที่ฮ่องเต้วางแผน) คณะข่งเจียเปิดละครใหม่ เปิดสวนสัตว์หลิงโยวและย้ายเป้ยเป้ย(แพนด้าของนายเอก)เข้ามาอยู่กับแพนด้าตัวอื่น
เมื่ออายุครบ20ปี ถึงเวลาสวมกวาน ซึ้งจัดอย่างยิ่งใหญ่ สมกับที่เป็นคนกว้างขวาง(และปิดปากคนที่รังเกียจสายเลือดเหมียวของอวิ๋นเยี่ยนหุย) เขาได้ชื่อรองว่า จู๋เฟิง ให้ความหมายเป็นกระตือรือร้นไปข้างหน้า
ท่านเปา เลื่อนขั้นเป็น รองเสนาบดีช่วยว่าการ เขาเรียกประชุมถึงเมืองอื่นอำเภออื่นยังมีโจรผู้ร้ายชุกชุม และทหารที่ร่างกายชราหรือเจ้าเลห์ และค่อยปรึกษาไปถึงการเลี้ยงม้าและให้ร่วมมือกับชนเผ่าให้เป็นประโยชน์
เพราะความเข้าใจผิดของจ้าวอวิ๋นซู(พระเอก) กลายเป็นท่านเปาจะแต่งงาน จากนั้นมหกรรมบอกปปัดก็เกิดขึ้น ท่านเปารู้คิดว่าอวิ๋นเยี่ยนหุยเป็นคนปล่อยข่าว เขาจึงบอกแม่สื่อว่างานแต่งของเขาอวิ๋นเยี่ยนหุยจะเป็นผู้จัดการ แต่ข่าวก็เริ่มผิดเพี้ยนเป็นอวิ๋นเยี่ยนหุยจะช่วยจัดการงานแต่งของทุกคนในจวนว่าการ
เผื่อหหลีกหนีความวุ่นวาย อวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)จึงย้ายหน่วยงานไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาปรับปรุงหลายสิ่งจนสามารถเคลียร์เด็กออกไปได้ส่วนใหญ่ หาวิธีการรับมือและป้องกันการทิ้งขวางลูกเพื่อให้เด็กกำพร้าในอนาคตมีน้อยลง
แม้เขาจะหลบมาทำงานที่หน่วยจัดการเด็กกำพร้า แต่ผู้คนก็ทำพาปัญหามาให้เขาอยู่ดี อวี๋นเยี่ยนหุยคิดวิธีหลีกเลี่ยงโดยการให้ฝ่าบาทลงโทษ (คนที่มาติดสินบนเขาจะได้รู้ว่าฝ่าบาทไม่พอใจ) ไม่รู้พระองค์รอเวลานี้อยู่หรือไม่เพราะเรียกหาแส้ม้าจนห้ามกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว
เหรินจง(ฮ่องเต้)จัดการถีบหลังให้รอยประทับเด่นชัดเรียกว่าสมกับที่คอยอดกลั้นกับท่าทางกวนประสาทนี้มานาน
ส่วนอวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)ก็ได้รอยเท้านี้ไปอธิบาย หยุดเสียงวุ่นวายได้สักที
ต่อมาเขาได้เจอกับ สวีเส้าเวิงที่เคยอยู่บ้านเด็กกำพร้าเดียวกัน ก่อนจะพากลับมาพบกับเจ้ง ผิง(แม่นายเอก)นับว่าครอบครัวได้พบหน้าแล้ว ต่อมาไป๋อวี้ถัง(องค์รักษ์หนู)กับจ้าวอวิ๋นซู(พระเอก)ก็มากินข้าวด้วยพอดี กินไปคุยไป เมื่อฟังเรื่องในอดีตจากสวีเส้าเวิง จ้าวอวิ๋นซู(พระเอก)ก็ริษยาสุดขีดต้องเรียกตัวนายเอกไปเคลียร์
ระหว่างที่สวีตหวานอยู่ในสวน สวีเส้าเวิงก็เดินออกมาเห็นพอดี พวกเขาคุยกันเล็กน้อยและตกลงไม่ปริปากบอกใคร
หลายวันต่อมาอวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)ถูกฮ่องเต้เรียกเข้าเฝ้า เมื่อเขามาถึงแล้วก็พบคนรวมตัวกับอยู่ไม่น้อย
ราชครูผางร้องเรียนว่าอวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)รับสินบนมั่วโลกียะ ซึ่งข้อร้องเรียนทั้งหมดถูกปัดตก อวี๋นเยี่ยนหุยที่รู้ว่าสวีเส้าเวิงหักหลังนนั้นไม่แปลกใจเลย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายหลอกใช้ความรักของท่านแม่เขา
หลังจบเรื่องในสวยเหลือเพียง อวี๋นเยี่ยนหุย ฮ่องเต้และคนสนิท ฝ่าบาทยังพูดหยอกล้อถึงเรื่องเขากับจ้าวอวิ๋นซู เมื่อเห็นความเชื่อใจระดับนี้หากวันไหนถูกเปิดโป่งขึ้นมาไม่เจ็บตัวแย่หรือ เขาตัดสินใจคุกกเข่าสารภาพก่อนดีกว่า
หลังคนหนึ่งเสียน้ำตาปลอม อีกคนเสียน้ำตาจริง ในที่สุดฮ่องเต้ก็ตกลงจะดูความสัมพันธ์ของทั้งคู่โดยไม่ขัดขวาง
อวี๋นเยี่ยนหุย(นายเอก)จัดการเรื่อองของสวีเส้าเวิง และช่วยมารดาและอาฟู่ตามหาคนผ่านหนังสือพิมพ์ พร้อมกันนั้นเขากับไป๋อวี้ถังก็ร่วมมือกันเขียนบทความวิจารย์อาหารจนได้รับความนิยมอย่างมาก
ถึงเวลาที่จ้าวอวิ๋นซู (พระเอก)ทำพิธีสวมกวาน เขาได้นามรองว่า ไฉอวิ๋น
(จบเล่ม5)
Social Plugin